Tiger Woods : The greatest comeback in history of golf

Sent
0

Tiger Woods อดีตนักกอล์ฟมือหนึ่งของโลก ผู้ครองสถิติมากมาย  ก่อนชีวิตจะพลิกผัน ทั้งปัญหาครอบครัว  อาการบาดเจ็บ  ทำให้จมอยู่ในจุดต่ำสุดนานนับสิบปี  แต่ในวันนี้ ด้วยวัย 43 ปี  เขากลับมาสู่ความยิ่งใหญ่ในสายอาชีพกอล์ฟได้อีกครั้ง  ด้วยการคว้าแชมป์  The Masters รายการเมเจอร์ที่สำคัญที่สุดของโลก   ทำให้เรื่องราวของไทเกอร์ เป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจที่จะกล่าวถึงในวันนี้

จุดเริ่มต้นของพญาเสือ Tiger Woods

     ชื่อจริงของเขาคือ Eldrick Tont Woods แต่ที่เรียก "ไทเกอร์" เป็นชื่อเล่น ก็เพื่อเป็นเกียรติให้กับเพื่อนของพ่อเขาที่มีชื่อว่า ไทเกอร์ นั่นเอง   ไทเกอร์ วูดส์ เริ่มเล่นกอล์ฟตั้งแต่อายุเพียง 2 ขวบ  และตอนที่ ไทเกอร์ อายุ 8 ขวบ ได้เข้าร่วมการแข่งขันรายการ จูเนียร์ เวิลด์ กอล์ฟ แชมเปียนชิพ ครั้งแรก ก่อนที่จะคว้าแชมป์ได้ 6 สมัยหลังจากนั้น  เรียกว่าโหดแต่เด็ก   ต่อมาได้เทิร์นโปรตอนอายุ 20(ค.ศ.1996) ก้าวเข้าสู่อาชีพนักกอล์ฟอย่างเป็นทางการ


ที่สุดของอาชีพ

     ตอนอายุ 21 เพียงปีเดียวหลังจากเทิร์นโปร เขาก็คว้าแชมป์ The Masters ซึ่งเป็นรายการเมเจอร์แรกของเขาได้ โดยชนะอันดับ 2 ห่างถึง 12 แต้ม ซึ่งถือเป็นสถิติของรายการเลยทีเดียว  จากฟอร์มที่ร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง ในเดือนมิถุนายนปีเดียวกันนั้นเอง ไทเกอร์ วูดส์ ได้ก้าวขึ้นครองอันดับ 1 ของโลก หลังจากนั้นเขาก็เดินหน้าคว้าแชมป์และทำสถิติอีกมากมาย

     ไทเกอร์ วูดส์ เป็นเหมือนสัญลักษณ์แห่งวงการกอล์ฟยุคใหม่ เขาทำให้กอล์ฟเป็นกีฬาที่ได้รับความสนใจในวงกว้างกว่าสมัยก่อนมาก เรียกว่าคนมาดูกอล์ฟเพราะไทเกอร์เยอะมาก รู้สึกว่ากอล์ฟเป็นกีฬาที่สนุกตื่นเต้นและสามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่าก่อนมาก ๆ  ไทเกอร์ ยืนอยู่ในตำแหน่งหมายเลข 1 ของโลก เกือบทั้งทศวรรษแรกของศตวรรษที่ 21 ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือหนึ่งในนักกีฬาที่โลกจะต้องจดจำไปอีกนานแสนนาน สถิติแล้วสถิติเล่าของวงการถูกไทเกอร์ วูดส์โค่นลงราบคาบ สปอนเซอร์มากมายวิ่งเข้าหาเขา ไทเกอร์ วูดส์คือพญาเสือที่ยังมองไม่ออกจริงๆ ว่าใครจะมาแทนที่ได้


จุดตกต่ำ

     ตามประสาคนที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงล้นในวัยหนุ่ม  ไทเกอร์เริ่มมีข่าวชู้สาวและระหองระแหงกับภรรยา ซึ่งมาพร้อมกับอาการบาดเจ็บทางร่างกาย ทำให้เขาไม่สามารถลงแข่งได้ ชีวิตคู่มาถึงจุดแตกหัก เมื่อภรรยาเขาขอหย่าขาดในปี 2010 หลังจากนั้นชีวิตของเขาเหมือนจะมีแต่เรื่องแย่ๆ ตั้งแต่การถูกจับในข้อหา เมาแล้วขับ  ซึ่งภาพการถูกจับของเขานั้นกลายเป็นไวรัลไปทั่วโซเชียลมีเดีย เป็นภาพที่ดูไม่ได้เอาเสียเลย  หมดสภาพนักกีฬาที่เป็นแบบอย่างให้กับเยาวชนจริง ๆ

     แน่นอนว่า สปอนเซอร์ทั้งหลายตั้งแต่ Accenture, AT&T, Gatorade, General Motors, Gillette และ TAG Heuer ต่างค่อยๆ ทยอยถอนตัวหรืองดการเสนอโฆษณาของเขา มีเพียงแค่ Electronic Arts และ Nike เท่านั้นที่ยังคงสนับสนุนไทเกอร์ต่อไป โดย Nike ยังคงฐานะการเป็นสปอนเซอร์หลัก แม้ว่าไทเกอร์จะไม่สามารถคว้าแชมป์ใดๆ ได้เลยเกือบ 5 ปี และเรียกได้ว่าเป็น ‘ขาลง’ อย่างต่อเนื่อง หลายคนเริ่มสงสัยว่า สิ่งที่ Nike ทำนั้นเป็นไอเดียที่ดีไหม  ในเมื่อทุกคนถอนตัวไปหมดแล้ว ทำไม Nike ยังคงเป็นคนเดียวที่เดินหน้าสนับสนุนไทเกอร์ วูดส์อยู่ ฟอร์มการเล่นอันย่ำแย่ สภาพร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ ทำให้อันดับโลกของเขารูดลงไปอยู่ที่ 1,199 ในเดือนธันวาคมของปี 2017 หลายคนเสียดายกับความยิ่งใหญ่ของ ‘อดีตแชมป์’ คนนี้ และคนส่วนใหญ่คิดว่าอาชีพในวงการกอล์ฟของเขาคงจบลงแล้ว ภาพที่ยิ่งใหญ่ของไทเกอร์คงเป็นเพียงอดีตให้เราจดจำ


การกลับมา

     แต่นั่นคือเรื่องราวเมื่อ 18 เดือนที่แล้ว  ตัดภาพมาในวันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน 2019 บนกรีนหลุม 18 ที่สนาม Augusta National Golf Club สหรัฐอเมริกา  ไทเกอร์ วูดส์ พัตต์ลูกระยะสั้นๆ ไม่ถึงหนึ่งคันธงลงไปในหลุม ทันใดนั้นเอง เสียงปรบมือและเสียงตะโกน “ไทเกอร์ ไทเกอร์ ไทเกอร์” ก็ดังกระหึ่มไปทั่วสนาม เจ้าตัวเองถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เลยทีเดียว ถ้าคุณเป็นแฟนของไทเกอร์ วูดส์ ผมเชื่อว่าคุณก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เช่นกัน เพราะนี่คือการคว้าแชมป์ The Masters รายการเมเจอร์ที่สำคัญที่สุดของโลก หลังจากที่เขาห่างหายจากการคว้าแชมป์รายการเมเจอร์มา 11 ปีเต็ม

     ถ้าหากมีใครบอกเมื่อ 18 เดือนที่แล้วว่าไทเกอร์จะกลับมาคว้าแชมป์รายการ The Masters คนที่ได้ฟังคงหัวเราะและส่ายหัวว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้  ไม่ใช่แค่อันดับที่ 1,199 อาการบาดเจ็บและฟอร์มการเล่นที่ต่างจากสมัยรุ่งๆ เยอะ แต่ยังรวมไปถึงความจริงที่ว่าเขาอายุ 40 กว่าๆ เข้าไปแล้ว แต่ ไทเกอร์ วูดส์ ในวัย 43 ปีทำได้

     มีคนมากมายออกมาแสดงความดีใจ จนคำว่า #Tiger ขึ้นอันดับ 1 Global Trend ในทวิตเตอร์ จากอันดับที่ 1,199 เมื่อ 18 เดือนก่อน ขณะนี้อันดับโลกของไทเกอร์ วูดส์กลับมาอยู่อันดับที่ 6


ภาพจาก pixabay.com 

แสดงความคิดเห็น

0ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น (0)