หลังจากเข้ายึดอำนาจการปกครอง ตั้งตนเองเป็น รัฐาธิปัตย์ บางคนบอกคำนี้มาจาก รัฐประหาร(โดยทหาร) + (สร้างสถานการณ์โดย) พรรคประชาธิปัตย์ หลังจากสร้างความปรองดองโดย เรียกแกนนำฝ่ายเสื้อแดง นักการเมือง นักวิชาการ ฝ่ายประชาธิปไตย เข้าไปอบรมบ่มนิสัย ให้ว่านอนสอนง่าย การปฏิบัติการขั้นต่อไปคือ การสร้างจิตวิทยามวลชน เพื่อกดให้คนชั้นต่ำอยู่ในความสงบเรียบร้อย และสามารถปกครองได้โดยง่ายต่อไป
ในเมื่อความขัดแย้งทางการเมืองถูกทำให้สลายหายไปแล้ว จึงต้องดึงความสนใจของคนทั่วไปให้อยู่ในเรื่องความบันเทิง รื่นเริง และทำงานของตนไปตามปกติ อย่ามาทำตัววุ่นวายบนถนน เพื่อการบริหารบ้านเมืองที่เรียบร้อยของ คสช. (ถ้าทำอย่างนี้ตั้งแต่ม็อบพันธมิตร บ้านเมืองก็จะไม่วุ่นวายมาขนาดนี้แน่)
พูดถึงการจัดงานรื่นเริง บันเทิงใจ ที่ คสช. ได้ทำไปก็มีหลายประการเช่น การให้ชมภาพยนต์ตำนานสมเด็จพระนเรศวรฟรี , จัดงานปรองดองสมานฉันท์ทุกจังหวัด โดยในงานมีคอนเสิร์ต การแสดงบนเวที ฯลฯ ซึ่งจะทำกระจายไปในหลาย ๆ จังหวัด โดยเฉพาะเขตพื้นที่ของพรรคเพื่อไทย และคนเสื้อแดง ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากประชาชนนักศึกษา ที่เกณฑ์กันมาอย่างเนืองแน่น มีความสุขคุ้มค่างบประมาณประเทศชาติจริง ๆ
ลักษณะการสร้างความสุข คืนความสุข ให้ประชาชนนั้น ลักษณะงานอาจจะคล้ายกับประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างเกาหลีเหนือ ที่ประชาชนล้วนมีความสุข กับการปกครองโดยเผด็จการทหาร และความอดอยาก(จะได้ไม่ต้องมารักษาโรคอ้วน ความดัน โรคหัวใจ .. ดีจัง) ถ้าเป็นในโรงเรียนทหารเค้าจะเรียกว่างาน Happy Hours ให้นักเรียนได้ปลดปล่อยกันบ้าง
จะเห็นได้ว่า 2 เดือนที่ผ่านมา การปกครองของ คสช. มีประสิทธิภาพสูงมาก โดยเฉพาะหลังจากออกประกาศที่เกี่ยวข้องกับสื่อมวลชน ผลโพลล์ประชาชนให้คะแนน คสช. มากกว่ารัฐบาลใด ๆ ที่เคยมีมา รวมทั้งความสุขของประชาชนก็มีมากล้น ตื้นตัน สุดจะบรรยาย นี่ถ้า คสช. ลงเลือกตั้ง เชื่อว่าสามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว โดยที่ไม่มีฝ่ายค้านในสภาได้สบาย ดูอย่างเกาหลีเหนือที่จัดการเลือกตั้ง ท่านผู้นำยังได้คะแนน 100%
เห็นว่าจะมีโครงการมอบความสุขให้ประชาชนกันถ้วนหน้าอีกหลายรายการครับ เช่น ยกเลิกแท็ปเล็ตเด็กประถม , เพิ่มงบกลาโหม ฯลฯ เกิดเป็นคนไทยนี่มันโชคดีจริง ๆ ผมรักท่านผู้นำครับ
-->