น้ำตาล ในเครื่องดื่มต่าง ๆ ... รู้แล้วจะหนาว

Sent
0
ทุกวันนี้จะเห็นได้ว่าคนไทยนั้น  เป็นโรคอ้วนกันมากขึ้น  เป็นโรคเบาหวานกันมาก  โดยเฉพาะในเด็ก ๆ ที่มีอัตราการป่วยเป็นโรคเบาหวาน โรคอ้วน กันมากขึ้น  ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าตนใจมาก  เพราะโรคดังกล่าวนี้เกิดจากนิสัยในการกิน ดื่ม ของเราเอง  วันนี้มาดูกันครับว่า  เครื่องดื่มสารพัดยี่ห้อ ชนิด ที่เราดื่มกันทุกวันนี้  มีน้ำตาลมากน้อยแค่ไหน  และเราควรบริโภคกันอย่างไร จึงจะปลอดภัย  เอาไว้แนะนำกับลูกหลาน เพื่อสุขภาพที่ดีนะครับ

     องค์การอนามัยโลก(World Health Organization ตัวย่อว่า WHO) เห็นว่าโรคเบาหวานกลายเป็นภัยอันตรายต่อประชากรโลก ที่กำลังเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว  คนทั่วโลกรับประทานน้ำตาลเฉลี่ยที่ 11 ช้อนชา/วัน  ดังนั้นองค์การอนามัยโลกจึงแนะนำให้คนรับประทานน้ำตาลเพียงวันละ 6 ช้อนชาเท่านั้น  เมื่อปี 2544 มีการสำรวจพบว่าคนไทยบริโภคน้ำตาลเฉลี่ย 16 ช้อนชา/คน/วัน  ซึ่งสูงมากจนน่ากลัว  ยิ่งในตอนนี้มีเครื่องดื่มที่หาซื้อกันได้ตามร้านสะดวกซื้อมากมาย และยิ่งมีการชิงโชคใต้ฝา สร้างพฤติกรรมการบริโภคที่ผิด ๆ ยิ่งน่าวิตกมากขึ้นอีก

     ความหวานที่เกินพอดีนี้เองที่ทำให้เราเจ็บป่วยง่ายขึ้น ร่างกายเป็นกรดเกิน และทำให้หลอดเลือดได้รับการบาดเจ็บ ทำให้ไตรกลีเซอไรด์สูงขึ้น ไขมันตามหลอดเลือดมากขึ้น ไขมันพอกตับมากขึ้น ภูมิคุ้มกันลดลง ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้มากขึ้น ทำให้เป็นโรคอ้วน ฯลฯ อาจกล่าวได้ว่าสารพัดโรคในยุคนี้ "การบริโภคน้ำตาลเกิน" คือปัญหาที่สำคัญของคนในยุคนี้



     ประเทศไทยเองก็มีตัวอย่างอันตรายจากน้ำตาลให้เห็นกันอยู่เสมอๆ โดยเฉพาะในเด็กไทย พบว่ามีสถิติอ้วนลงพุงเพิ่มมากขึ้นติดอันดับโลกในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา เพราะมีพฤติกรรมเสพติดความหวานจากเครื่องดื่มและขนมหวาน ส่งให้เด็กไทยที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี ป่วยเป็นโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นถึง 6 เท่าตัว


     จากภาพข้างต้น เป็นตัวอย่างให้เห็นว่าเครื่องดื่มชนิดใดมีปริมาณน้ำตาลประมาณเท่าไหร่  ไม่ว่ายี่ห้อไหน ๆ ก็ไม่ต่างกันมาก  อาจกล่าวได้ว่าเพียงแค่เครื่องดื่มข้างต้นนี้บางอย่าง  ดื่มเข้าไปก็ทำให้เราได้รับปริมาณน้ำตาลเกินพอสำหรับ 1 วันแล้ว  นี่ยังไม่นับว่าเราทานข้าว ขนมต่าง ๆ ซึ่งมี แป้ง และน้ำตาลอีกเท่าไหร่

     ดังนั้นจึงควรหยุดพฤติกรรมการรับประทาน "ตามใจปาก" และหันมาใส่ใจกับของที่เราทานมากขึ้น  จากที่เคยดื่มกาแฟสดทั้งเช้า-บ่าย ตกเย็นดื่มน้ำอัดลม หรือชาเขียว  ค่ำ ๆ ดื่มน้ำผลไม้เพื่อสุขภาพ  คิดดูแล้วกันครับ  ในอนาคตคุณจะเป็นอย่างไร  การบริโภคที่เกินพอดีของเรา  สร้างความร่ำรวยให้กับผู้ประกอบการ ร้านค้า รวมทั้งสถานพยาบาลไปเท่าไหร่แล้ว  ในขณะที่เรา ไม่ได้อะไรเลย  ถึงเวลาเปลี่ยนแปลงตัวเองหรือยังครับทุกท่าน

ปล. รู้แล้ว ทำแล้ว ก็อย่าเก็บไว้คนเดียวนะครับ  บอกต่อให้เพื่อนพี่น้อง ลูกหลานได้ทราบกันบ้าง  เขาจะทำหรือไม่ทำก็อยู่ที่ตัวเขาเอง
Tags

แสดงความคิดเห็น

0ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น (0)