กระติกน้ำร้อน ถือเป็นอุปกรณ์สามัญประจำบ้าน และสำนักงาน ไปแล้ว เรียกว่ามันสามารถใช้ชงเครื่องดื่มร้อน ๆ อย่าง ชา กาแฟ หรือเติมในชามบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แก้หิวประทังชีวิตไปได้ แต่เมื่อใช้ไปสักพักหนึ่งมันจะเกิดตะกอนเป็นคราบติดด้านในหม้อต้ม หรือที่เรียกว่า "ตะกรัน" นั่นเอง แม้มันจะไม่ทำอันตรายกับเรา แต่มันอาจหลุดไปในเครื่องดื่มของท่านได้ ซึ่งคงไม่ดีแน่ครับ
การขจัดคราบหินปูน หรือ ตะกรัน ในกระติกน้ำร้อนนั้น สามารถทำได้เองง่าย ๆ ครับ แต่ไม่ใช่การเอามีด หรือวัสดุใด ๆ ไปแคะ ขูด ออกนะครับ เพราะมันจะทำให้หม้อต้มเสียหายได้ ในกรณีนี้เราต้องใช้ น้ำส้มสายชู ครับ โดยเทผสมลงไปในกระติกน้ำร้อนเรานี่แหละ ถ้ามีคราบไม่มาก บาง ๆ ก็ใช้สัก 1/4 แก้ว ก็พอ หากมีคราบตะกรันหนามาก ก็ต้องเพิ่มอัตราส่วนไปอีก เมื่อเติมน้ำส้มสายชูแล้ว ก็เสียบปลั๊กต้มให้เดือด จะเห็นได้ว่าคราบจะละลายหลุดออก หรือบางลง หากยังไม่หมดก็ทิ้งให้เย็นแล้วต้มใหม่อีกครั้ง หรือเทน้ำต้มทีแรกออกแล้วผสมใหม่ก็ได้
เมื่อขจัดคราบตะกรัน ได้หมดแล้วก็เทน้ำต้มทิ้งไป ล้างหม้อต้มด้วยน้ำเปล่าให้สะอาด แล้วก็กลับมาใช้ได้ตามปกติ คอยหมั่นสังเกตุดู หากเริ่มมีคราบก็ใช้วิธีนี้แหละครับ อย่าปล่อยทิ้งไว้นาน ๆ จนเกิดคราบหนา(เหมือนผม) มันจะเอาออกยากจ้า
เท่านี้กระติกน้ำร้อน ก็จะสะอาดเหมือนใหม่ ให้เราใช้ได้นาน ๆ ที่สำคัญ ถ้าไม่ใช้ก็ถอดปลั๊กดีกว่าครับ มันกินไฟเอาเรื่องเหมือนกัน กระติกน้ำร้อนขนาด 2.5 ลิตร 600 วัตต์ ถ้าเสียบปลั๊กทิ้งไว้วันละ 10 ชั่วโมง จะเสียค่าไฟประมาณเดือนละ 90 บาท หากใช้ชงกาแฟแค่ 2 - 3 แก้ว ก็ใส่น้ำแค่ครึ่งเดียว จะได้ไม่ต้องเปลืองพลังงานในการต้มน้ำปริมาณมาก ก็ประหยัดไปได้อีกนะ
ถ้าเป็นที่สำนักงาน ก่อนเลิกงานก็อย่าลืมถอดปลั๊กนะครับ ไม่ใช่เปิดใช้งานกันข้ามคืนทั้ง ๆ ที่ไม่มีคน จะให้ดีก็ถอดก่อนเลิกงานสักครึ่งชั่วโมงก็ได้ หวังว่าบทความนี้คงเป็นประโยชน์กับทุกท่านบ้างนะครับ หากชอบก็แชร์ให้เพื่อน ๆ ทราบ จะได้ช่วยชาติประหยัดพลังงาน วันนี้ลาไปก่อน พบกันใหม่ในบทความถัดไปครับ
อ้อ ! ... ลืมบอกไป น้ำสมสายชูที่ใช้ ก็ใช้แบบสำหรับประกอบอาหาร ธรรมดา ๆ นี่แหละครับ เลือกที่มันราคาถูกสุดไปเลย หรือไปดูในครัวก่อน ถ้ายังมีก็ใช้ของเก่าในครัวเรานี่แหละ ไม่ต้องไปซื้อใหม่ครับ ^^
บทความโดย EcoMan