คปภ. หรือ คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ได้ออกคำสั่งใหม่ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประกันภัยรถยนต์ ซึ่งทุกท่านมีส่วนได้รับผลกระทบไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง จึงขอสรุปมาไว้เพื่อให้ได้ทราบกัน จะได้ปฏิบัติตนให้เป็นไปตามกฎหมายใหม่ ๆ และไม่เสียผลประโยชน์ของท่านไปโดยความไม่รู้ มาดูกันครับว่าคำสั่งที่ออกมานั้น มีอะไรกันบ้าง
- เรื่องแรก คือ คำสั่งนายทะเบียนที่ 8/2560 ลงวันที่ 3 มีนาคม 2560 เรื่อง ลดเบี้ยประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจร้อยละ 5 - 10 สำหรับรถยนต์ที่ติดกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ที่ติดตั้งกับรถยนต์ เพื่อเสริมสร้างวินัยจราจรแก่ประชาชนและช่วยลดอุบัติเหตุทางถนน อันนี้เริ่มใช้กันตั้งแต่ 3 มีนาคม 2560 โดยแนวทางปฎิบติเกี่ยวกับคำสั่งนายทะเบียนที่ 8/2560 มีสาระสำคัญดังนี้
- คำว่า กล้องโทรทัศน์วงจรปิด(CCTV ) ที่ติดตั้งกับรถยนต์ ตามเจตนารมย์ของคำสั่งนายทะเบียนนี้ให้หมายถึงกล้องติดรถยนต์ทุกประเภทที่ใช้ติดตั้งภายในรถยนต์ที่สามารถบันทึกภาพเคลื่อนไหว แต่ไม่รวมถึงอุปกรณ์อื่นที่นำมาดัดแปลงเพื่อให้มีลักษณะการใช้งานเช่นเดียวกับกล้องติดรถยนต์ และไม่มีการกำหนดมาตรฐาน คุณภาพ ราคา ของกล้องติดรถยนต์
- บริษัทต้องให้ส่วนลดเบี้ยประกันภัยสำหรับกรมธรรม์ประกันภัยที่มีระยะเวลาเริ่มต้นคุ้มครองตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม พ.ศ.2560 เป็นต้นไป โดยต้องลดไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 แต่ไม่เกินร้อยละ 10 ของเบี้ยประกันภัยสุทธิ
- ผู้เอาประกันภัยสามารถติดตั้งระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด(CCTV)ที่ติดตั้งกับรถยนต์ไว้เพียงด้านหน้าของรถยนต์คันเอาประกันภัยก็ได้
- ให้บริษัทใช้ภาพถ่ายการติดตั้งระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด(CCTV)ที่ติดตั้งกับรถยนต์คันเอาประกันภัยจากผู้ขอเอาประกันภัยเป็นเอกสารประกอบในเวลาทำสัญญาประกันภัยด้วย
- ให้บริษัทแสดงส่วนลดเบี้ยประกันภัยไว้ในช้องของส่วนลดในหน้าตารางกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์
- กรณีที่มีการทำสัญญาประกันภัยและผู้เอาประกันภัยได้ชำระเบี้ยประกันภัยให้แก่บริษัทไปแล้ว ก่อนหรือหลังวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ.2560 แต่กรมธรรม์ประกันภัยเริ่มต้นคุ้มครองตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม พ.ศ.2560 เป็นต้นไป หากเบี้ยประกันภัยที่ผู้เอาประกันภัยได้ชำระแล้วนั้นยังไม่มีการให้ส่วนลดเบี้ยประกันภัยตามคำสั่งนี้ เมื่อผู้เอาประกันภัยได้แจ้งขอส่วนลดเบี้ยประกันภัยดังกล่าวในภายหลัง บริษัทต้องให้ส่วนลดเบี้ยประกันภัยตามที่คำสั่งกำหนดไว้
- ให้บริษัทสามารถใช้ภาพหรือภาคเคลื่อนไหวที่บันทึกเหตุการณ์อุบัติเหตุของรถยนต์คันเอาประกันภัย เป็นหลักฐานประกอบการพิจารณาสินไหมทดแทนของบริษัทเพิ่มเติมได้
สำหรับกล้องชนิดไหนนั้น ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาฯ คปภ. กล่าวว่า "ขอให้เป็นกล้องที่ไม่ได้ใช้มือถือมาแปลงเป็นใช้ได้ โดยตนขอยืนยันว่า สามารถใช้กล้องชนิดไหนก็ได้ ซึ่งราคามีตั้งแต่ 800 บาท ขึ้นไปถึงหลักพัน แต่ตรงนี้ประมาณ 1,000 บาทก็น่าจะใช้ได้แล้ว ส่วนเหตุผลที่เราใช้คำว่ากล้องCCTV ก็เพราะว่าขณะนี้มันยังไม่มีศัพท์ที่เป็นทางการใช้เรียกมัน จึงเรียกกล้องCCTV"
- เรื่องที่สอง คือ แนวคิดที่จะออกคำสั่งนายทะเบียน เพื่อปรับแก้ข้อยกเว้นในกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ กรณีการขับขี่โดยบุคคลซึ่งขณะขับขี่มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดที่กำหนดไว้ไม่น้อยกว่า 150 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ให้เป็นไปตามที่กฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบกกำหนด คือที่ 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ นั่นเอง กล่าวคือถ้าเกิดอุบัติเหตุ และผู้ขับขี่มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ บริษัทประกันอาจจะไม่ต้องจ่ายหรือรับผิดชอบใด ๆ โดยจะเป็นมาตรการที่ช่วยส่งเสริมการรณรงค์ "เมาไม่ขับ" และช่วยสนับสนุนความปลอดภัยทางถนนตามแผนการปฏิรูประบบความปลอดภัยทางถนนอย่างยั่งยืน อันจะช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้จะมีการออกคำสั่งนายทะเบียนดังกล่าวในช่วงกลางเดือนมีนาคม 2560 การปรับเปลี่ยนปริมาณแอลกอฮอล์ดังกล่าว ไม่กระทบต่อความคุ้มครองของการประกันภัยรถภาคบังคับ หรือ พ.ร.บ. โดยคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ 1 มิถุนายนนี้
เอาล่ะครับ เมื่อทราบกันแล้วว่าทางการนั้นสนับสนุนให้รถยนต์ทุกคันติดกล้องหน้ารถ เพื่อช่วยในการสืบสวนคดีจราจร การชี้ใครประมาทหรือไม่อย่างไร และการดื่มสุราแล้วมาขับรถ ประกันภัยรถยนต์อาจไม่จ่ายเมื่อเกิดอุบัติเหตุ เราก็คงต้องปรับตัวเอง ให้ท้องถนนประเทศไทย ลดความอันตรายจากอันดับโลกลงมา ให้มีความปลอดภัยกันมากยิ่งขึ้นครับ(อ่านเพิ่มเติม ไทยอันดับ 2 โลก ตายเพราะอุบัตเหตุจราจร)
ปล. ฝากแชร์วนไปให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกันด้วยนะครับ เดี๋ยวจะหาว่าไม่บอกกันก่อน ^^
ปล. ฝากแชร์วนไปให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกันด้วยนะครับ เดี๋ยวจะหาว่าไม่บอกกันก่อน ^^