สรุปสาระคำพิพากษาของศาลโลก ที่ได้ตัดสินคดีปราสาทพระวิหาร เมื่อเย็นวันนี้(11 พ.ย. 56) โดยนายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเฮก ในฐานะตัวแทนไทย ในการดำเนินการทางกฎหมายฝ่ายไทย มีประเด็นที่สรุปได้ดังนี้
- ศาลมีอำนาจพิจารณาตีความตามคำร้องกัมพูชา ในเรื่องการดูแลตัว ปราสาทพระวิหาร
- บริเวณใกล้เคียงปราสาทโดยรอบ ให้ยึดตามคำตัดสินของศาลโลกในปี พ.ศ.2505
- กัมพูชาไม่ได้รับตามคำร้องขอ กรณีเขตแดนพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร และ พื้นที่บริเวณ ภูมะเขือ ไม่ใช่ของกัมพูชา
- ศาลไม่ได้ตัดสินเรื่องเขตแดน ส่วนพื้นที่เล็กๆ ที่มีการร้องขอของกัมพูชา กำลังมีการคำนวณกันอยู่
- ศาลไม่ได้ระบุ เส้นเขตแดนบนแผนที่อัตราส่วน 1 ต่อ 2 แสน เป็นส่วนหนึ่งบนคำตัดสินที่ผูกพัน เมื่อ ปี พ.ศ. 2505
- สุดท้าย ศาลแนะนำให้ทั้งสองฝ่ายร่วมมือกันในการที่จะดูแลปราสาทพระวิหาร ในฐานะมรดกโลก
ขณะที่ทางฟากฝั่งพรรค ปชป. ได้เตรียมระดมคนออกมาจำนวนมาก เพื่อหวังผลคดีที่น่าจะออกมาในลักษณะที่ไทยต้องเสียพื้นที่ 4.6 ตร.กม. มาจุดเป็นประเด็น ยกระดับการชุมนุมต่อจากการต่อต้าน พรบ.นิรโทษกรรมฯ พร้อมกับการลาออกจาก สส. ของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับพวกรวม 6 คน
เมื่อคำตัดสินออกมาเป็นเช่นนี้แล้ว เหมือนกับศาลโลก ได้สาดน้ำลงไปในกองไฟของพรรค ปชป. เท่ากับว่าประเด็นร้อน ที่หวังจะนำมาขับไล่รัฐบาล กลายเป็นไม่ร้อนแล้วซะงั้น ทั้ง พรบ.นิรโทษกรรมฯ และ คดีปราสาทพระวิหาร แล้วม็อบของ ปชป. จะหามุกอะไรมาเล่นต่อ หรือจะลงจอดอย่างไร น่าติดตามเหตุผล และ ตรรกะ เป็นอย่างยิ่ง
ปล. ประเด็นร้อนต่อไปน่าจะเป็นการปะทะกันระหว่างตำรวจกับมวลชน หรือไม่ก็มีระเบิดลงกลางกลุ่มผู้ชุมนุม เพื่อสร้างกระแส ขอให้ฝ่ายรัฐเตรียมการให้พร้อมครับ
ภาพจากอินเตอร์เน็ต