สิ่งดี ๆ ที่ถูกมองข้าม

Sent
ขอนำเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตคู่มาเล่าสู่กันฟังบ้าง เผื่อจะเอาไปใช้กะคนที่บ้านได้ ^^  เพื่อการใช้ชีวิตคู่ที่มีความสุข และเข้าใจกันมากยิ่งขึ้นครับ

"เหตุเกิดที่ร้านข้าวแกง"

ทุกๆวัน ระหว่างจันทร์ถึงศุกร์ ร้านข้าวแกงแห่งนี้จะมีคนทำงานออฟฟิศมากมาย มาทานอาหารเที่ยงกัน ในช่วงระหว่างเวลาเที่ยงถึงราวบ่ายโมงครึ่ง ด้วยเหตุที่สนนราคาที่ไม่แพงเกินไปสำหรับคนชั้นกลางที่ทำงานในระแวกใกล้เคียง ผมก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ฝากท้องไว้กับที่นี่ 

เวลาผมแวะไปทานอาหารก็มักได้ยินเรื่องราวมากมายจากผู้คนเหล่านี้ไม่ซ้ำหน้า ไม่ซ้ำเรื่อง หลากหลายรสชาด วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งลองดูซิครับว่ามีเรื่องอะไรจากโต๊ะอาหารข้างๆโต๊ะผม

ไม่นานนักผมก็ได้ยินเสียงแว่วๆ ของสุภาพสตรีสองคนด้านหลังทางซ้ายมือ ผมชำเลืองมองดูก็เห็นสุภาพสตรีอายุราวๆ 25 ปีสองคนแต่งตัวในชุดทำงาน ดูเหมือนจะเป็นยูนิฟอร์มของธนาคารใดธนาคารหนึ่งในย่านนั้น คนหนึ่งผมสั้น อีกคนผมยาว 

คนผมยาว นั่งลงก่อน แล้วเอ่ยปากขึ้นว่า "ใจเย็นๆน่ายัย "น้อง" ทานไปคุยไปก็ละกันนะ" 

น้ำเสียงอ่อนโยนที่แสดงให้เห็นว่า เธอเอาใจใส่เพื่อนของเธอคนนี้มาก 

คนผมสั้นเอ่ยตอบว่า "โอเค โอเค ฉันเชื่อเธอ "นิด" เพราะมีแต่เธอแหละที่ฉันกล้าคุยเรื่องในครอบครัวให้ฟัง" 

สาวผมสั้นค่อยๆ บรรจงวางถาดอาหารลง เธอเริ่มต้นทานอาหารไปอย่างช้าๆ พร้อมๆกับ
เอ่ยปากเล่าเรื่องของเธอต่อไปว่า

"ฉันละเซ็งคุณสามีของฉันเหลือเกิน หากฉันจะเอากระดาษ มาเขียนคุณสมบัติยอดห่วย ของสามีฉันละก้อ เธอเอ๋ย หน้ากระดาษหนึ่งคงไม่พอ 

กลับบ้านค่ำ แถมเอางานกลับมาอีก ไม่ชอบดูละคร ดูแต่เคเบิ้ลทีวี เวลาดูก็หมุนเปลี่ยนทุกช่อง ชอบทำบ้านให้รกไปหมด ไม่เคยให้ความสนใจดูแลฉันเลย โอ๊ยฉันละเบื่อ ทีกับลูกน้องตัวเองละก็ ประคบประหงมยิ่งกว่าลูกอีก"

เธอถอนหายใจเสียงดัง หลังจากเล่าจบ 

เธอเอ่ยถามคู่หูคนสนิทต่อ" "นิด" เธอแต่งงานมาตั้งห้าปีแล้วมากกว่าฉันตั้งสามปี ทำไมไม่เห็นเธอบ่นเรื่องสามีของเธอเลย เธอคงมองโลกในแง่ดีมากเลยนะ ฉันอิจฉาเธอจังเลย"

"นิด" สาวผมสั้นเอ่ยตอบว่า

" "น้อง" ฉันก็เคยเป็นอย่างเธอเหมือนกัน เมื่อสองสามปีที่แล้ว วันหนึ่งฉันอัดอั้นมากจนทนไม่ไหว ฉันหยิบกระดาษออกมาแล้วระบายลงไปเลยว่า รายการความห่วยของสามีฉันเป็นอย่างไร เธอรู้ไหมว่าฉันได้กี่ข้อ"

"น้อง" รีบถามด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น 

"กี่ข้อล่ะ"

"นิด" ตอบสีหน้ายิ้มแย้ม 

"สามสิบหกข้อ เท่ากับขนาดเอวของสามีฉันเลยล่ะ"

"น้อง" กลั้นหัวเราะไม่อยู่ ข้าวในปากกระเด็นออกมา โชคดีที่เธอทานคำไม่โต เธออุทานกลั้วเสียงหัวเราะว่า "แหมเธอนี่ช่างเปรียบเทียบจริงๆ นะ หึ หึ หึ"

"นิด" เล่าต่อ "เย็นวันนั้นฉันตั้งใจว่า กลับบ้านแล้วฉันจะส่งรายงานชิ้นเอก ให้สามีของฉันดู เพียงแต่ว่าฉันต้องไปงานศพลุงของฉันก่อน พอเลิกงานฉันก็รีบรุดไปงานศพของลุงฉัน ซึ่งอายุเพียงห้าสิบเอง คุณป้าฉันก็อายุห้าสิบเหมือนกัน คุณลุงฉันเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุรถยนต์คว่ำ ซึ่งถือว่า เป็นเหตุการณ์ที่ทุกคนไม่ได้คาดคิดมาก่อน ป้าฉันตกใจมาก เธอไม่เคยเตรียมใจสำหรับเรื่องนี้มาก่อน ฉันสนิทกับป้าฉันคนนี้มากเป็นพิเศษ" 

"เมื่อฉันไปถึงงานศพ ฉันก็ไปนั่งคุยกับคุณป้า เมื่อไปถึง คุณป้าซึ่งมีสีหน้าเศร้าสร้อยอยู่ ก็ดีใจที่ได้พบหน้าฉัน เราสองคนนั่งคุยกันสักพัก คุณป้าก็หยิบกระดาษโน๊ตสองสามแผ่นออกมา แล้วก็ส่งให้ฉันดู ฉันรับมาดูแล้วก็นั่งอ่าน ในกระดาษนั้นมีข้อความดังต่อไปนี้"

เธอบรรยายข้อความในกระดาษโน๊ตของป้าเธอต่อว่า

"ถึงสามีที่รัก วันนี้ทั้งวันฉันนึกถึงเธอตลอดเวลายี่สิบสามปีที่เราอยู่ด้วยกัน ฉันมักจะบ่นต่อว่าในข้อเสียของเธอมาตลอด จนกระทั่งถึงวันที่เธอจากไป เมื่อฉันมีโอกาสทบทวนดูชีวิตคู่ของเรา ฉันพบว่าฉันได้มองข้ามสิ่งดีๆ ของเธอไปมากมาย"

"นิด" เล่าด้วยเสียงสั่นเครือ เธอเอ่ยต่อว่า

"ในกระดาษโน๊ตนั้น คุณป้าของฉันบรรยายคุณความดีของลุงไว้ นับร้อยข้อ พอฉันอ่านจบ น้ำตาของฉันก็นองหน้า ป้าฉันเอ่ยกับฉันว่า ป้ารู้สึกเสียใจ ที่ไม่ได้เป็นผู้บอกสิ่งดีๆเหล่านี้ ในระหว่างที่คุณลุงของหนูยังมีชีวิตอยู่ หลานอย่าทำพลาดแบบป้าอีกคนนะ"

ฉันนั่งฟังอยู่แล้วคิดตามไปว่า 
"มีคนจำนวนมาก ที่เมื่อคนรักของตน จากไปแล้ว ค่อยบันทึกคุณความดีของผู้จากไปลงที่หลุมฝังศพ หรือจัดพิมพ์เป็นเอกสารอย่างดี"

"แต่ว่าผู้จากไปกลับไม่มีโอกาสอ่าน" 

"ซึ่งขณะที่เขามีชีวิตอยู่ กลับได้ยินแต่ สิ่งที่เป็นข้อบกพร่องของเขา" 

"คิดได้อย่างนั้น ฉันรีบดึงเอาลิสต์รายการของสามีฉันออกมา แล้วฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เลิกงานศพแล้วฉันรีบกลับบ้านทันที พอเจอหน้าสามีฉันก็กระโดดกอดเค้าเลย เสร็จแล้วฉันก็ถือโอกาสสาธยายคุณความดีทั้งหลายของเขาว่า มีอะไรบ้าง สามีฉันก็เผยความในใจถึง ข้อดีของฉันอีกมากมายที่ฉันไม่เคยรู้มาก่อน"

"ตั้งแต่นั้นมาฉันก็เลิกคิดถึง รายการจุดอ่อน ของคนที่เรารัก ฉันคิดว่าเราควรจะรักเค้า อย่างที่เค้าเป็น และ อย่าไปหวังให้เขาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่แตกต่างกับเราเลย"

"ความรักที่แท้จริง ก็ไม่ต่างไปจาก ความรักที่ปราศจากเงื่อนไข คือ การที่เรารักเค้าแล้วไม่ได้ตั้งเงื่อนไข ให้เขาเปลี่ยนแปลงอะไร จงรักเขาอย่างที่เขาเป็น แล้วจับจ้องในสิ่งที่ดีของเขา และยอมรับว่าไม่มีใครที่ดีสมบูรณ์แบบ เราก็จะมีความสุข เขาก็จะมีความสุข"

"นิด" เล่าจบด้วยสีหน้าอิ่มเอิบใจ 

"น้อง" ซึ่งนั่งฟังอยู่อย่างเงียบๆ นัยน์ตาเธอมีน้ำคลอเบ้าอยู่ ในมือเธอกำแน่นด้วยเศษกระดาษลิสต์รายการที่บัดนี้ถูกเธอฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย 

อยู่ๆ "น้อง" ก็เอ่ยขึ้นว่า 

"ขอบใจมากจ๊ะ "นิด" ฉันว่า เรารีบกลับออฟฟิศกันเถอะ ฉันอยากโทรหาสามีของฉันหน่อย มีข้อดีเขาอีกมากมายที่ฉันควรจะบอกเค้า......."

แล้วคุณละครับเคยมอง สิ่งดีๆ ของคนที่คุณอยู่เคียงข้างคุณบ้างหรือเปล่า ?