เมื่อปี 2555 มีการวิจัยสำรวจพบว่าคนไทยจ่ายเงินซื้อน้ำอัดลมกว่า 38,800 ล้านบาท ขณะที่ประเทศไทยต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลโรคร้ายจากน้ำอัดลมปีละ 330,000 ล้านบาท (เท่ากับงบประมาณก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ ถึงเชียงใหม่)
ขณะที่คุณค่าทางโภชนาการของน้ำอัดลมอยู่ที่น้ำตาล ซึ่งร่างกายสามารถนำไปใช้เป็นพลังงานได้ แต่จุดอ่อนของน้ำอัดลมอยู่ที่ผู้ดื่มได้พลังงานเพียงอย่างเดียวโดยไม่มีสารอาหารอื่นๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอีก เรียกว่า "พลังงานที่ว่างเปล่า" ดังนั้น ถ้าดื่มน้ำอัดลมมากและกินอาหารอื่นน้อย ก็อาจขาดสารอาหาร โดยเฉพาะเด็กเล็กๆ ความหวาน ทำให้อิ่มและกินอาหารมื้อหลักได้น้อยลง
จากข้อมูลฉลากโภชนาการพบว่า ปริมาณน้ำตาลที่มากับ “น้ำอัดลม” แต่ละสีแตกต่างกัน โดยพบว่าน้ำอัดลม 1 กระป๋อง (325 มิลลิลิตร) มีน้ำตาลมากกว่า 6 ช้อนชาหรือบางยี่ห้อสูงถึง 12 ช้อนชา ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยจะต้องเผาผลาญแคลอรีออกไป น้ำอัดลมเพียง 1 กระป๋อง จะต้องใช้เวลาวิ่งออกกำลังกาย 30-60 นาทีกว่าจะขจัดแคลอรีออกไปจากร่างกายหมด คนที่ดื่มน้ำอัดลมทุกวันส่งผลเสียต่อสุขภาพมากมาย อาทิ เกิดโรคอ้วนลงพุง โรคกระเพาะอาหาร ผิวเคลือนฟันบางกร่อน ฟันผุ กระดูกพรุน โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ ฯลฯ
ขอบคุณข้อมูลจาก มูลนิธิหมอชาวบ้าน
รูปภาพจาก genzhealth.com
รูปภาพจาก genzhealth.com