หากจะกล่าวถึงวิสัยทัศน์ของรัฐบาลยุคเผด็จการ แต่ละเรื่องที่หลุดออกมาจากปาก ซึ่งไม่รู้ว่าผ่านกระบวนการคิดจากสมองหรือไม่ อย่างไร แต่ละเรื่องล้วนแต่ทำให้คนที่คาดหวังต้องส่ายหัว ไม่รู้ว่าประชาชนจะทนอยู่ในประเทศที่มีผู้นำอย่างนี้ได้อีกนานเท่าใด
เริ่มจากเรื่องวิสัยทัศน์ทางเศรษฐกิจของท่านผู้นำ ที่จะผลิตสิ่งของอุปโภค บริโภค ที่คนใช้ประจำวัน ใช้แล้วหมดไปต้องซื้อใหม่อยู่เรื่อย ๆ อย่างเช่น ยาสีฟัน หรือ รองเท้าแตะ เอาไปตีตลาดโลก กระตุ้นการส่งออก เกิดการจ้างงานสร้างรายได้
ตรรกะความคิดแปลก ๆ อย่างนี้ ไม่ใช่จะมีเป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้ก็ทำเรื่องตลาดน้ำข้างทำเนียบ คุยฟุ้งทั้งที่มูลค่าทางเศรษฐกิจนิดเดียว โลกทัศน์คับแคบ แบบนี้อย่าว่าแต่บริหารประเทศให้เจริญเลยครับ แค่เปิดร้านโชว์ห่วยก็ไม่รอดแล้ว
อีกคนล่าสุดคือ นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ที่เสนอโมเดลเศรษฐกิจไทย "เห็บสยาม" คือเติบโตไปกับประเทศต่าง ๆ แต่ไม่ทรุดตัวไปตามวัฏจักรเศรษฐกิจ คือเราจะไปเกาะประเทศที่เติบโต เช่น จีน อินเดีย หรือแอฟริกาใต้ หากประเทศเหล่านี้โตเราจะโตตามไปด้วย กินจนเราอ้วนแต่เมื่อเกิดเศรษฐกิจขาลง เราจะย้ายไปโตกับประเทศอื่นแทน คือเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจกับทุกประเทศ ไม่ใช่เป็นคู่แข่ง
คงเข้าใจอะไรผิดเกี่ยวกับ "เห็บ" แล้วแน่ ๆ เพราะเห็บ ไม่ได้เป็นพันธมิตร หรือให้การตอบแทนใด ๆ กับหมา มันจะดูดเลือดหมา เติบโต และออกลูกหลานเกาะกินเลือดหมาไปเรื่อง ๆ จนกว่าหมาตัวนั้นจะตาย แล้วมันจะหาหมาตัวใหม่เกาะกินต่อไป
แล้วประเทศคู่ค้าเขาจะมองเราอย่างไร เมื่อเราวางยุทธศาสตร์ประเทศเป็น "เห็บหมา" เสียแล้ว ใครจะยอมให้ดูดเลือดไปฟรี ๆ
จริง ๆ มันไม่ควรเป็นยุทธศาสตร์เสียด้วยซ้ำ เพราะเห็นหมา นั้นไม่สามารถอยู่ได้ด้วยตัวมันเอง จะต้องอาศัยร่างสัตว์อื่นดูดกินเลือดตลอดไป(โครตน่ารังเกียจ) ทำไมไม่วางยุทธศาสตร์ประเทศให้เข้มแข็งและพึ่งตนเองได้ในระยะยาว
สองความคิดของคนระดับผู้นำประเทศ และผู้นำข้าราชการกระทรวง มันบ่งบอกถึงคุณภาพของการเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้อต่อการใช้ สมอง ให้คิดในแบบที่ก้าวไปข้างหน้า แบบมีวิสัยทัศน์ที่สามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคปัจจุบันได้
ระบบทหาร ที่ทำตามคำสั่ง ไม่ต้องถาม ไม่ต้องคิด หรือ ระบบราชการ ที่ทำงานไปวัน ๆ ก็ได้เงินเดือน ไม่มีความเสี่ยงใด ไม่ได้ว่าที่คน แต่ว่าที่ระบบ มันไม่เอื้อต่อการพัฒนา จากที่เราเคยจะเป็นเสือแห่งเอเซีย ตอนนี้กลายเป็น "เห็บหมา" แล้วหรือนี่ อนิจจา ...