ทัศนคติในการทำงานสู่ความสำเร็จ !!

Sent
0
รูปภาพจาก https://pixabay.com/th/
วันนี้มีข้อคิดดีๆ มาแบ่งปันกันครับ  เป็นเรื่องเกี่ยวกับทัศนคติในการทำงาน  ที่อาจจะบ่งชี้ได้ว่า คุณจะสามารถประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานได้หรือไม่  แตกต่างจากคนที่ประสบความสำเร็จอย่างไร  ยังมีอะไรที่จะต้องปรับปรุงอีกบ้าง  ลองด่านกันดูครับ เผื่อจะได้อะไรดี ๆ กลับไปบ้าง ^^

     หวังอวิ๋นเป็นพนักงานสาวที่สวยมาก  หล่อนทำงานเกือบสามปีแล้ว  เพื่อนพนักงานคนอื่นที่เข้าทำงานที่บริษัทหลังหล่อนต่างก็ทยอยได้โอกาสเลื่อนตำแหน่ง  แต่หล่อนยังอยู่ในตำแหน่งเดิมไม่เปลี่ยนแปลง  ในใจหล่อนจึงรู้สึกอึดอัดบอกไม่ถูก

ในที่สุดวันหนึ่ง  หล่อนจึงยอมเสี่ยงการถูกเลิกจ้าง  เข้าไปหาเจ้าของบริษัทเพื่อถามสาเหตุ  

   “เถ้าแก่คะ  ฉันเคยมาสาย กลับก่อนหรือทำผิดระเบียบบริษัทหรือไม่?”   

   @ เถ้าแก่ตอบโดยไม่คิดว่า “ไม่เคย”

   “งั้นบริษัทมีอคติกับฉันใช่ไหม?”  

   @เถ้าแก่ชะงักไปนิดนึง แล้วพูดว่า  “ไม่มีแน่นอน”

   “แล้วทำไมคนที่ประสบการณ์น้อยกว่าฉันจึงได้รับการเลื่อนตำแหน่ง  แต่ฉันกลับอยู่ในตำแหน่งเดิมไม่เปลี่ยนแปลง”

   เถ้าแก่อึ้งไปครู่หนึ่ง  แล้วพูดอย่างยิ้มๆว่า  “เรื่องของเธอเดี๋ยวไว้ค่อยคุยกัน  ตอนนี้พอดีฉันมีเรื่องด่วน  งั้นเธอลองช่วยฉันจัดการเรื่องนี้ได้ไหม?”

   เถ้าแก่บอกว่า  “มีลูกค้ารายหนึ่งกำลังจะมาที่บริษัทเพื่อเยี่ยมชมสินค้า  เธอไปติดต่อกับพวกเขานะ  ถามว่าจะมาเมื่อไร”

   “นี่เป็นหน้าที่ที่สำคัญมาก”   ก่อนออกไป  หล่อนไม่ลืมที่จะพูดกับตัวเอง

ผ่านไปสิบห้านาที  หล่อนกลับมาที่ห้องทำงานของเถ้าแก่

   “ติดต่อได้ไหม?”  เถ้าแก่ถาม

   “ติดต่อได้แล้วค่ะ  พวกเขาบอกว่าอาจจะมาอาทิตย์หน้า”

   “แล้วอาทิตย์หน้าวันที่เท่าไร ?”  เถ้าแก่ถาม

   “อันนี้ฉันไม่ได้ถาม”

   “แล้วพวกเขาจะมากันกี่คน”

   “อ้าว  ท่านไม่ได้บอกให้ฉันถามเรื่องนี้นี่คะ”

   “แล้วพวกเขามารถไฟหรือเครื่องบิน?”

   “เรื่องนี้ท่านก็ไม่ได้บอกให้ฉันถามนี่คะ”

   เถ้าแก่ไม่พูดอะไรอีก  เขาโทรศัพท์เรียกจางอี๋เข้ามา  จางอี๋ทำงานที่บริษัทหลังหล่อนหนึ่งปี  ตอนนี้เป็นผู้รับผิดชอบของแผนกหนึ่ง  จางอี๋ได้รับการมอบหมายหน้าที่เหมือนกับที่เมื่อครู่หล่อนได้รับ  สักพักหนึ่ง  จางอี๋ก็กลับมา

   “เป็นอย่างนี้ค่ะ............”   จางอี๋ตอบ    “พวกเขาจะนั่งเครื่องบินเที่ยวบ่ายสามโมงของวันศุกร์หน้ามาค่ะ  คาดว่าจะมาถึงตอนค่ำหกโมง  พวกเขาจะมากันห้าคน  นำทีมโดยผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อชื่อคุณหวัง   ฉันได้บอกพวกเขาแล้วว่า  บริษัทของเราจะส่งคนไปรับพวกเขาที่สนามบิน”

   “นอกจากนั้น  พวกเขาวางแผนที่จะมาเยี่ยมชมบริษัทสองวัน  ส่วนรายละเอียดเมื่อมาถึงแล้วทั้งสองฝ่ายค่อยปรึกษากัน  และเพื่อให้สะดวกกับการทำงาน   ฉันเสนอให้พวกเขาพักที่ International Hotel ที่อยู่ใกล้ๆบริษัท  ถ้าท่านเห็นด้วย  พรุ่งนี้ฉันจะจองเรื่องห้องพักไว้ล่วงหน้า”

   “ยังมีค่ะ  พยากรณ์อากาศบอกว่าอาทิตย์หน้าจะมีฝนตก  ฉันจะคงการติดต่อกับพวกเขาตลอดเวลา  ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลง  ฉันจะรายงานท่านทันที”

   หวังอวิ๋นที่ดูอยู่ข้างๆรู้สึกอายจนหน้าแดง   เดินออกจากห้องทำงานไปโดย ไม่พูดอะไรอีก

คืนนั้น  หล่อนได้รับ message จากเถ้าแก่ดังนี้
-------------------------------
หวังอวิ๋น  ไม่ว่าเธอจะทำงานที่ไหน  ขอให้จดจำกฎทองเหล่านี้เอาไว้

1 :  งานจะไม่เลี้ยงดูคนที่ว่าง  ทีมงานจะไม่เลี้ยงดูคนที่ขี้เกียจ

2 :  การเข้าทำงานใดก็ตาม  ก่อนอื่นอย่าได้นึกแต่ว่าจะได้รายได้  ให้เรียนรู้ก่อนว่าจะทำให้ตนเองมีคุณค่าได้อย่างไร

3 :  ไม่มีเงินจากธุรกิจใดๆที่หาได้โดยง่าย

4 :  การทำงาน  ไม่มีงานไหนๆที่จะราบรื่นไปทั้งหมด  ได้รับความคับข้องใจบ้างเป็นเรื่องธรรมดา

5 :  ไม่ได้รายได้  ก็ได้ความรู้  ไม่ได้ความรู้  ก็ได้ประสบการณ์  ไม่ได้ประสบการณ์  ก็ได้ความโชกโชน  เมื่อสิ่งข้างต้นล้วนได้แล้ว  ก็ไม่มีวันที่จะหาเงินไม่ได้

6 :  มีเพียงการเปลี่ยนแปลงท่าทีของตนเองก่อน  จึงจะสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตให้สูงขึ้น  มีเพียงการเปลี่ยนแปลงท่าทีของการทำงานก่อน  จึงจะสามารถมีอาชีพที่สูงขึ้น

7 :  สาเหตุที่ทำให้คนเราเลอะเลือนเวิ้งว้างมีเพียงอย่างเดียว----นั่นก็คือในอายุที่ควรดิ้นรนต่อสู้  กลับคิดมากไป  ทำน้อยไป
------------------------------

ขอมอบคำสามคำไว้ให้  :  ตั้งใจทำ

     หล่อนจึงได้เข้าใจโดยฉับพลันว่า  ไม่มีใครหรอกที่เกิดมาก็สามารถรับผิดชอบงานใหญ่  ล้วนต้องทำโดยเริ่มจากงานเล็ก ๆ ที่เรียบง่ายและธรรมดา    วันนี้ตัวเธอติดฉลากให้กับตนเองอย่างไร  อาจบางทีก็จะกำหนดได้ว่าวันพรุ่งนี้ตัวเธอจะได้รับมอบหมายให้ทำงานใหญ่ได้หรือไม่

     ระดับความเอาใจใส่จะส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของการทำงานโดยตรง   บริษัทใดๆก็ตามล้วนอยากได้พนักงานที่ทำงานกระตือรือร้นและมีความรับผิดชอบในงานได้ด้วยตัว เอง

     พนักงานที่ดีเด่นมักไม่ใช่คนที่เอาแต่รอให้คนอื่นมอบหมายงานให้   แต่เป็นคนที่ไปทำความเข้าใจด้วยตัวเองว่าควรทำอะไร  หลังจากนั้นก็ทำงานนั้นให้ลุล่วงอย่างเต็มกำลัง
//////////////////////////////////////



Jack Ma เคยพูดไว้ว่า

คนสิบประเภทที่จะไม่ได้เงินเดือนสูง   ยิ่งไม่คุ้มค่าที่จะอุ้มชู

หนึ่ง   :  คนที่คิดแต่อยากได้หยุดสัปดาห์ละสองวัน

สอง   :   คนที่คิดแต่จะเข้างานเก้าโมงเช้าเลิกงานห้าโมงเย็น

สาม   :  คนที่คิดแต่จะใช้ชีวิตอยู่ด้วย basic salary

สี่   :  คนที่จิตใจไม่มีความมุ่งหมาย

ห้า   :  คนที่ไม่มีความคิดที่ก้าวไปข้างหน้าตามกาลเวลา

หก   :  คนที่ทำงานเฉื่อยชา

เจ็ด   :  คนที่เป็นคนความประพฤติไม่เที่ยงตรง

แปด   :  คนที่ไม่กล้ารับผิดชอบ

เก้า   :  คนที่มักคิดว่าตนเองมีค่าสูงเกินเกินไป

สิบ   :  คนที่มักตำหนิว่าบริษัทไม่ดีพอ
///////////////////////////////////////////

     ผู้ที่ก่อตั้งบริษัท Huawei  กล่าวว่า   :   มีคนมากมายที่ถามผมว่า  มาทำงานที่บริษัทมีหยุดอาทิตย์ละสองวันหรือไม่?  จำเป็นต้องทำงานล่วงเวลาไหม?

ฉันยิ้มๆไม่ตอบ  และเชิญพวกเขาให้ออกจากบริษัทอย่างสุภาพ

อยากสบาย  ยังจะออกมาทำงานทำไม?

นอนขลุกอยู่แต่ที่บ้านก็ไม่ใช่ได้หยุดทั้งเจ็ดวันแล้วหรือ?

คนเรานั้น  ถ้าไม่ถือโอกาสขยันตอนอายุยังน้อย  ความหนุ่มสาวของเธอจะมีประโยชน์อะไร?

กล่าวกันว่าวัยหนุ่มสาวก็คือต้นทุน  สิ่งที่ฉันอยากจะเพิ่มเติมก็คือ  มีเพียงการต่อสู้บากบั่น  ต้นทุนของเธอจึงจะมีคุณค่า  มีเพียงการดิ้นรนต่อสู้  ความหนุ่มสาวของเธอจึงจะควรค่าแก่การเชิดชู

พอเอ่ยปากก็พูดว่าลำบาก  ความเจริญก้าวหน้าก็ออกห่างเธอแล้ว

พอทำออกไปก็คิดถึงแต่ผลตอบแทน  โอกาสก็ออกห่างเธอแล้ว

พอทำงานก็คิดแต่ประโยชน์ส่วนตัว  ผลเก็บเกี่ยวที่จะได้ก็ออกห่างเธอแล้ว

พอเริ่มต้นก็คิดแต่จะพูดถึงเงื่อนไข  อนาคตความก้าวหน้าก็ออกห่างเธอแล้ว

พอร่วมมือทำงานกันก็คิดแต่ว่าตนเองจะไม่เสียเปรียบได้อย่างไร  ความสำเร็จของธุรกิจก็ออกห่างเธอแล้ว

     เรื่องเล่านี้อ่านไว้สอนลูกหลานได้ประโยชน์นะครับ

แสดงความคิดเห็น

0ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น (0)