เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2561 ได้มีกลุ่มประชาชน "เรารักลุงป้อม" รวมตัวกันที่หน้ากระทรวงกลาโหม พร้อมถือป้ายให้กำลังใจ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้อยู่ในตำแหน่งต่อไป ไม่ต้องสนใจเรื่องยืมนาฬิกาเพื่อน เรื่องแจ้งบัญชีทรัพย์สิน ใช้อำนาจในฐานะรัฏฐาธิปัตย์เผด็จการต่อไป แม้จะมีเสียงเรียกร้องจากหลายภาคส่วนในสังคม ซึ่งจากการสอบถามประชาชนในกลุ่มดังกล่าว ระบุว่า ต้องการมาให้กำลังใจ พล.อ.ประวิตร ภายหลังจากเมื่อวันที่ 31 มกราคม ได้ออกมาประกาศถ้าประชาชนไม่ต้องการ ก็พร้อมจะลาออกจากตำแหน่ง พร้อมกับยืนยันว่า ทุกคนมาเองด้วยใจ ต่างคนต่างมา ไม่ได้มีใครชักชวนแต่อย่างใด
ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตุว่า การรวมตัวครั้งนี้ เป็นการชุมนุมทางการเมืองอย่างชัดเจน ใกล้กับเขตพระราชฐาน อันอาจเป็นความผิดฐานร่วมกันชุมนุมในรัศมี 150 เมตรจากวังของพระรัชทายาทหรือของพระบรมวงศ์ ตั้งแต่สมเด็จเจ้าฟ้าขึ้นไป คล้าย ๆ กับ นักกิจกรรมกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย ชุมนุมเรียกร้องเลือกตั้ง บริเวณแยกปทุมวัน
มาดูกันว่ามาตรฐานในการดำเนินคดี หรือจัดการกลุ่มผู้ชุมนุม จะเป็นไปในแนวทางเดียวกันหรือไม่ หรือว่ากลุ่ม "พวกกู" ทำอะไรก็ได้ ไม่ผิด อีกกลุ่ม ไม่ใช่พวกกู ทำอะไรก็ผิด ถ้าเป็นเช่นนี้ น่าสนใจว่าจะสามารถแจ้งความในความผิดฐาน 157 ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบได้หรือไม่ ผู้สื่อข่าวลองใช้ความเป็นสื่อมวลชนถามบิ๊กตำรวจดูหน่อยสิ หรือเขาเลี้ยงดูปูเสื่อดี เลยเกรงใจ
การตรวจสอบรัฐบาลเผด็จการเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน เพราะตัวเองเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในประเทศ เป็นรัฏฐาธิปัตย์ ออกกฎหมายลบล้างความผิดตัวเองทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต เอาไว้แล้ว แต่งตั้งลูกน้องตนเอง คนของตนเอง ในกลไกการตรวจสอบทั้งหลาย มี สนช. ที่ตนเองแต่งตั้งออกกฎหมาย มีอำนาจทหาร ปืน รถถัง เรือดำน้ำ ใคร ๆ ก็เกรงใจ
ได้เงินเดือน ค่าตอบแทนจากเผด็จการ ใครหน้าไหนจะกล้าตรวจสอบผู้มีพระคุณ
ส่วนที่บิ๊กป้อม ได้กล่าวเอาไว้ว่า "ถ้าประชาชนไม่ต้องการ ก็พร้อมจะไปจากตำแหน่งนี้" มันก็พูดยังไงก็ได้ เพราะที่ปฏิวัติรัฐประหารเข้ามา ก็อ้างประชาชน ปัญหาคือจะวัดกันยังไงว่าประชาชนต้องการให้อยู่ต่อ หรือต้องการให้ไป ๆ เสียที ก็เขาเรียกร้องให้จัดการเลือกตั้งตามที่สัญญาไว้ ก็ทำท่าจะเลื่อนออกไปไม่มีกำหนด เฮ้อ เป็นเผด็จการนี่มันดีจริง ๆ