เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นักกิจกรรมชาวไทย อดีตประธานสภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รับเชิญไปขึ้นเวทีใน การประชุมนานาชาติว่าด้วยเสรีภาพ ครั้งที่ 10 จัดขึ้นที่กรุงออสโล เมืองหลวงของนอร์เวย์ ระหว่างวันที่ 29-30 พ.ค. โดยองค์กรไม่แสวงผลกำไร 'ออสโล ฟรีดอม ฟอรัม' (OFF) ในฐานะนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิและเสรีภาพคนหนึ่งของไทย
เนติวิทย์ได้ขึ้นพูดต่อผู้เข้าร่วมการประชุม ซึ่งมีทั้งนักกิจกรรม เจ้าหน้าที่รัฐบาล นักวิชาการ รวมถึงสื่อมวลชนจากหลายประเทศ ในหัวข้อ "นักศึกษาและกองทัพ" (The Students and the Military) ซึ่งเป็นการพูดถึงบทบาทของกลุ่มนักกิจกรรมที่เป็นนิสิตนักศึกษาและเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยนับตั้งแต่เกิดรัฐประหารเมื่อปี 2557 เป็นต้นมา โดยเนติวิทย์กล่าวเขาคงจะไม่มีโอกาสได้ขึ้นพูดบนเวทีที่ออสโล ถ้าหากว่าเขาถูกจับพร้อมเพื่อนๆ ที่ออกไปชุมนุมเรียกร้องการเลือกตั้งจากรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ช่วงวันครบรอบ 4 ปีรัฐประหาร 22 พ.ค. 2557
"ผมคงไม่ได้มาที่นี่ถ้าผมถูกจับพร้อมเพื่อนที่ออกไปประท้วงในวันครบรอบ 4 ปีการรัฐประหาร เพื่อทวงการเลือกตั้งจากรัฐบาลทหาร ผมอยากจะขอยกย่องความมุ่งมั่นในจิตวิญญาณประชาธิปไตยของพวกเพื่อนๆ ผม ที่พยายามจะนำมา (ซึ่งประชาธิปไตย) ให้กับพวกเรา"
"ชีวิตผมไม่ได้ต่างจากเด็กไทยทั่วๆ ไป ผมโตมาในครอบครัวชนชั้นกลางของสังคมไทย ผมเป็นเด็กที่เรียนได้ในระดับพอใช้ ผมไม่สนใจเรื่องการเมือง ผมยอมตัดผมเกรียนและสวมเครื่องแบบนักเรียนโดยไม่ตั้งคำถาม จนกระทั่งวันหนึ่ง ผมได้ทำหนังสือพิมพ์ของโรงเรียน และเขียนบทความตั้งคำถามว่าทำไมครูถึงต้องมายุ่งกับศีรษะนักเรียน ผมขอให้ครูที่ผมเชื่อใจช่วยอ่านบทความ และต่อจากนั้นไม่นาน ผมก็ได้ยินเสียงเรียกจากเครื่องกระจายเสียงของโรงเรียน ให้ผมเข้าไปพบที่ห้องพักครู ผมถูกกักบริเวณ 5 ชั่วโมง เพียงเพราะผมเขียนบทความ ถามคำถามง่ายๆ ว่าทำไมครูต้องมายุ่งกับศีรษะของนักเรียน"
ประสบการณ์นี้ทำให้ภาพของผมในสายตาของครูเปลี่ยนไป จากนักเรียนธรรมดา กลายเป็นนักเรียนที่เป็นภัยต่อโรงเรียน ซึ่งผมถือว่ามันเป็นคำชมที่เป็นเกียรติกับผมมาก จนกระทั่งปี 2557 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นำกองทัพคณะรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาล และส่งทหารไปควบคุมทั่วประเทศ เพราะมีการเคลื่อนไหวประท้วงการก่อรัฐประหาร และพวกเขาก็ตอบโต้ด้วยการจับกุมผู้ประท้วง ซึ่งนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผู้มีอำนาจในประเทศไทยใช้กำลังปะทะกับผู้ชุมนุม เมื่อ 40 ปีก่อน นักศึกษาจำนวนมากก็ถูกสังหารหมู่ด้วยฝีมือของผู้มีอำนาจในระดับที่ไม่ต่างอะไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่จัตุรัสเทียนอันเหมินของจีน
เมื่อปี 2559 ในฐานะที่เป็นนิสิตคนหนึ่งของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งถูกมองว่าเป็นสถาบันของพวกอนุรักษนิยม เพื่อนร่วมชั้นของผม และตัวผมเอง ได้ตัดสินใจเข้าไปมีส่วนร่วมในเหตุการณ์สำคัญด้วยการพยายามจัดกิจกรรมที่เชื่อมโยงกับต่างประเทศ ผมเชิญโจชัว หว่อง แกนนำกลุ่มนักศึกษาที่เรียกร้องการปฏิรูปประชาธิปไตยในฮ่องกงเพื่อเข้าร่วมเวทีพูดคุย เพื่อให้เขาเป็นแรงบันดาลใจให้แก่เยาวชนในไทย แต่ผมตกใจมากเมื่อผมไปรอเขาที่สนามบินอยู่นานกว่า 8 ชั่วโมง แต่เขาก็ไม่มา และตอนหลังผมเพิ่งรู้ว่า เขาถูกเจ้าหน้าที่ของทางการไทยควบคุมตัว และถูกส่งตัวกลับฮ่องกงในวันต่อมา นั่นเป็นครั้งแรก ภายใต้อรัฐบาลทหาร ที่ผมรู้สึกว่า ประเทศไทยได้สูญเสียเสรีภาพที่เราเคยมี และประเทศของผมตกอยู่ภายใต้อำนาจของจีนเสียแล้ว
ปีถัดมา ผมได้รับเลือกเป็นประธานสภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผมและเพื่อนร่วมสภาได้ตัดสินใจเดินออกจากพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนของนิสิตใหม่แรกเข้า ซึ่งนักศึกษาปี 1 ต้องหมอบกราบต่อหน้าพระรูปของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ผมเลือกที่จะยืนขึ้นแทน เพื่อรำลึกถึงพระดำริของในหลวงรัชกาลที่ 5 ที่ทรงประกาศเลิกทาส สิ่งที่ผมและเพื่อนทำลงไปกลายเป็นประเด็นถกเถียงในวงวิชาการ และอาจารย์จำนวนหนึ่งกล่าวหาว่าผมแสดงอาการก้าวร้าวแข็งข้อ และพยายามจัดฉาก และศิษย์เก่าหลายคนเรียกร้องให้ไล่ผมออก รวมถึงปลดผมออกจากการเป็นประธานสภานิสิต เช่นเดียวกับเพื่อนนิสิตคนอื่นๆ ที่เลือกจะยืน ถูกตัดคะแนนประพฤติทั้งหมด
พวกเราเจอลงโทษหนักที่สุดเท่าที่เคยมีมา แต่จากเหตุการณ์นี้ก็ทำให้พวกเราได้รับการสนับสนุนจากคนไทยจำนวนมาก รวมถึงนักวิชาการทั่วโลก ผู้ได้รับรางวัลโนเบล 8 ราย และนักวิชาการอีกกว่า 100 ราย แสดงความกังวล และเรียกร้องให้มหาวิทยาลัยทบทวนการกระทำดังกล่าว เพราะพวกเราก็เป็นแค่นิสิตที่ต้องการแสดงความคิดเห็นของเราออกมา พวกเราไม่ได้มีอาวุธ แต่เรากลับถูกทำให้เงียบ
ล่าสุด ในประเทศไทย นักศึกษาฝึกงานคนหนึ่งเปิดโปงกระบวนการทุจริตครั้งใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับข้าราชการฉ้อโกงเงินช่วยเหลือคนยากจน แต่อิทธิพลของกองทัพกำลังเข้าครอบงำสถาบันการศึกษาไทย พวกเขาได้เพิ่มหลักสูตรเกี่ยวกับหน้าที่พลเรือน ซึ่งไม่ได้ส่งเสริมกระบวนการคิดเชิงวิพากษ์เลยแม้แต่นิดเดียว แต่เป็นการสอนให้คุณเป็นนักเรียนที่ดีที่เชื่อฟัง และผู้ดูแลการตรวจสอบขบวนการทุจริตที่ผมว่าก็เป็นรองนายกรัฐมนตรีซึ่งมีนาฬิกาหรูอยู่ในครอบครอง 25 เรือน และยังไม่มีใครแตะต้อง
นอกจากนี้ รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก็เปิดทางให้รัฐบาลทหารกลับมามีอำนาจได้ใหม่ในอนาคต วุฒิสมาชิกจำนวนเกือบครึ่งจะถูกแต่งตั้ง แทนที่จะถูกเลือกตั้งมาโดยประชาชน สิ่งเหล่านี้ยังไม่รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งถูกนำไปเป็นข้ออ้างในการปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชนผู้ที่เห็นต่าง เช่น เพื่อนของผมซึ่งเป็นนักกิจกรรมคนหนึ่งชื่อว่า ไผ่ ดาวดิน แชร์บทความของสำนักข่าวบีบีซีไทยในเฟซบุ๊ก และเขาเป็นคนเดียวที่ถูกจับ แต่คนอีกกว่า 2,600 คนที่แชร์บทความเดียวกัน กลับไม่ได้ถูกจับแต่อย่างใด"
และในปีนี้ หลังจากที่ผมมีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมเรียกร้องสิทธิและเสรีภาพทางการเมือง ทำให้ผมได้รับเกียรติอีกครั้ง ด้วยการถูก (ตำรวจ) ตั้งข้อหา เป็นแกนนำ ยุยงปลุกปั่น และก่อให้เกิดความไม่สงบ ละเมิดคำสั่ง คสช. ซึ่งถ้าถูกตัดสินว่าผิดจริงก็อาจจะถูกลงโทษจำคุก 6-7 ปี และผมเพิ่งได้รับข่าวจากเพื่อนว่าผมอาจจะโดนเพิ่มอีกข้อหา แต่ผมก็ยังมีความหวังว่าไทยจะดีขึ้น ความหวังนั้นยังไม่หายไปไหน
เมื่อไม่กี่วันก่อน เป็นวันครบรอบ 4 ปีการรัฐประหาร เฟซบุ๊กเพจที่แสดงจุดยืนสนับสนุนรัฐบาลทหาร ได้จัดทำโพลสอบถามความเห็นประชาชนผู้ใช้เฟซบุ๊กว่าพวกเขายังคงสนับสนุนรัฐบาลทหารอยู่หรือเปล่า น่าประหลาดใจมากที่ร้อยละ 97 ของผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 300,000 คน ตอบว่า 'ไม่' แม้ว่าจะมีการประท้วงและล้มเหลว บางครั้งเราถูกจับ และบางครั้งทหารก็ตามไปถึงบ้านคนที่ออกมาประท้วง แต่คนไทยไม่ยอมแพ้ และเวลานั้นจะมาถึง เวลาที่จะพิสูจน์ว่าสิ่งที่พวกเราทำนั้นถูกต้อง"
ก่อนจบคำกล่าวบนเวที เนติวิทย์ได้ขอความร่วมมือจากผู้เข้าร่วมการประชุม OFF รวมถึงตัวแทนประเทศยุโรปและนักกิจกรรมทั่วโลกให้ลุกข้ึนยืนและชูสามนิ้วเพื่อเป็นสัญลักษณ์สนับสนุนการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในประเทศไทย และช่วยกดดันรัฐบาลทหารให้จัดการเลือกตั้งโดยไม่เลื่อนกำหนดออกไปอีก ซึ่งผู้เข้าร่วมทั้งหมดได้ลุกขึ้นยืนและชูสามนิ้วไปพร้อมกับเนติวิทย์ด้วย
ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก Voicetv.co.th
ถือเป็นหนึ่งในเยาวชนไทยที่กล้าต่อสู้ในเรื่องสิทธิมนุษยชนตั้งแต่ยังเป็นเด็กมัธยม กล้าลุกขึ้นมาตั้งคำถามต่อผู้มีอำนาจ ไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อทุก ๆ คน รวมทั้งคนที่ไม่เห็นด้วย คนที่เหยียดหยาม เกลียดชัง ให้ทุกคนได้มีสิทธิเท่าเทียมกัน ให้ผู้ปกครองต้องรู้จักฟังเสียงประชาชนคนธรรมดา แม้ว่าการต่อสู้ด้วยสมองและสองมือเปล่านี้ จะนำพามาซึ่งความเดือดร้อนแสนสาหัสก็ตาม
น่าแปลกที่ในระดับสากลโลก เข้าใจและเห็นความสำคัญของคนแบบเนติวิทย์ แต่ในสังคมไทยบางส่วน รวมทั้งผู้มีอำนาจ กลับมองว่าคนแบบนี้คือตัวปัญหา เป็นภัยต่อการปกครองของผู้มีอำนาจ ตกลงกรอบความคิดของโลกมีปัญหา หรือว่ากรอบความคิดของคนไทยมีปัญหากันแน่ ลองถามตัวเองดูว่าคนดี ๆ ที่อวยกันในไทย มีใครได้รับการยอมรับในระดับโลกกันบ้าง ... คิดสิคิด
โลกไม่เคยปิดกั้นคนเก่ง slotxo
ตอบลบ
ตอบลบThis are extremly blogs for everyone.
สูตรบาคาร่าฟรี สูตรบาคาร่าฟรี สูตรบาคาร่าฟรี
This is good info. เสือมังกรออนไลน์
ตอบลบเสือมังกรออนไลน์
เสือมังกรออนไลน์
Cool post. เสือมังกรออนไลน์
ตอบลบเสือมังกรออนไลน์
เสือมังกรออนไลน์
Thanks for sharing. สูตรบาคาร่ามีจริงไหม
ตอบลบ