หลังจากประชากรชาวสลิ่ม ล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง มอบอำนาจการบริหารประเทศให้กับรัฐบาลเผด็จการทหาร คสช. ผ่านไป 5 ปี กับการปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ในที่สุดก็ได้รัฐบาลขวัญใจคนดีย์ แม้จะไม่ชนะการเลือกตั้ง แต่ด้วยการเล่นกลที่มนุษย์ผู้มีตรรกะไม่อาจเข้าใจของ กกต. ทำให้รวบรวมเสียง ส.ส. ได้เพียงพอต่อการตั้งรัฐบาลของลุงตู๋ พร้อมด้วยรัฐมนตรีหน้าเดิมตบเท้ากลับเข้ามาพรึบ
สภาพการณ์เศรษฐกิจไทยในรอบรัฐบาล คสช. นับเฉพาะปี 2558 - 2561 มีการเติบโตของจีดีพี เฉลี่ยประมาณ 3.65 ซึ่งถือว่าย่ำแย่กว่าเพื่อนบ้านมาก และถ้านับถอยหลังไป 10 ปี วิกฤติการเมือง ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอันดับรองบ๊วย(บรูไน อยู่ท้ายสุด มีการส่งออกน้ำมันเพียงอย่างเดียว)
แม้รัฐบาล คสช. จะอ้างว่าเศรษฐกิจทั่วโลกก็ประสบปัญหา แต่ทำไมเพื่อนบ้านเราถึงมีการเติบโตที่ดีกว่า และการโตของเศรษฐกิจตามตัวเลขที่เห็น มันส่งเม็ดเงินไปถึงชาวบ้าน ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศหรือไม่ เรื่องนี้คนส่วนใหญ่ของประเทศมีคำตอบอยู่ในใจแล้ว
และถ้ามาดูในเรื่องความมั่งคั่งของบรรดาเจ้าสัวในประเทศไทย จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่ารวยขึ้นมหาศาลในยุครัฐบาลเผด็จการทหาร คสช. มันยิ่งตอกย้ำในเรื่องความเหลื่อมล้ำของสังคมไทยอย่างชัดเจน ตามข้อมูลของ CS Global Wealth Report 2018 ประเทศไทย กลายเป็นประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำสูงที่สุดในโลกไปแล้ว คนรวยยิ่งรวยขึ้น คนจนยิ่งแย่ลง ๆ
เผด็จการที่ดีไม่มีหรอก พวกนี้คุณไม่สามารถตรวจสอบได้ จึงถูกป้อนด้วยข้อมูลเพียงด้านเดียว เมื่อเผด็จการผสมพันธ์กับนายทุน โครงการรัฐต่าง ๆ ที่ออกมาจึงเอื้อประโยชน์มหาศาลให้กับกลุ่มทุนใหญ่ ดังจะเห็นได้ว่าการต่อสัมปทานต่าง ๆ แม้จะยังไม่ครบอายุสัญญา ก็มีการเร่งต่อก่อนเวลาในยุคเผด็จการทั้งหลาย เช่น ทางด่วน รถไฟฟ้า ดิวตี้ฟรี ฯลฯ หรือการประมูลโครงการใหญ่ ๆ ก็แบ่งเค้กกันไปตามที่สนับสนุนจุนเจือกันมา
สุดท้ายประชาชนเป็นได้แค่ลูกจ้าง แค่แรงงานราคาถูก ที่ใช้แล้วหมดไป ทำจนตายก็ไม่สามารถยกระดับฐานะครอบครัวขึ้นมาได้ ส่งต่อความจนไปสู่ลูกหลานต่อไป นั่นเพราะเขาขาดโอกาส ไม่ได้รับการจัดสรรทรัพยากรอย่างสมควร มีอุปสรรคในชีวิตมากกว่าคนมีฐานะมากมาย
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาคงได้เห็นข่าว ข้าวเหนียวแพง วิธีคิด วิธีแก้ปัญหาของรัฐบาล และข้าราชการ การที่สรรพากรไปไล่บี้ภาษีย้อนหลังพ่อค้าขายข้าวเหนียวนึ่ง หรือข่าว GM ปลดพนักงานกว่า 300 คน มันแสดงให้เห็นว่าวิกฤติเศรษฐกิจไทยที่ซึมลึกมานาน ในลักษณะ กบต้ม ยังคงมีอยู่ แม้จะได้รัฐบาลหลังการเลือกตั้ง แต่ความเชื่อมั่นก็ยังไม่กลับมา
ที่แย่ซ้ำเติมเข้าไปอีก คือรัฐบาลยังคงใช้เงินแบบไม่เห็นหัวประชาชนผู้เสียภาษีต่อไป จัดงบประมาณขาดดุลติดต่อกันจนหนี้สาธารณะไทยพุ่งไปอยู่ที่ 6.8 ล้านล้านบาท ประเด็นที่พูดถึงกันมากก็คือการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพ และงบประมาณกระทรวงกลาโหมที่เพิ่มมากขึ้นทุกปี โดยหาความจำเป็น หรือยังประโยชน์ใด ๆ กับประชาชนเจ้าของประเทศไม่ได้เลย นี่ล่าสุดก็รับมอบยานเกราะจากสหรัฐ และร่ำ ๆ ว่าจะเอาอีก
ชีวิตติดดินอย่างเรา ๆ คงต้องช่วยตัวเองกันต่อไป ไม่มีทางที่จะเปลี่ยนโครงสร้างอะไรแบบนี้ได้ ในเมื่อชนชั้นนำยังคงตักตวง กอบโกย และกีดกัน ในทรัพยากร โอกาส การศึกษา มองไปข้างหน้าไม่เห็นอนาคตจริง ๆ จากที่เคยก้าวเทียบสิงคโปร์ จะเป็นเสือแห่งเอเซีย ตอนนี้ไม่ใช่แค่หมาหางแถว อาจถึงขึ้นเป็น "เห็บสยาม" เลยก็ได้ ....
ปล. อาวุธ ยุทโธปกรณ์ ไม่รู้ว่าใช้กับเพื่อนบ้าน หรือกับประชาชนในประเทศมากกว่ากันนะครับ
ธุลีดิน