วันนี้(28 ม.ค.) เวลา 10.00 น. ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทยจำเลยคดีรื้อบาร์เบียร์ เดินทางมาศาล พร้อม ภรรยา นายเติมตระกูล บุตรชาย และผู้ติดตาม เพื่อฟังคำพิพากษาศาลฎีกา
ขณะที่เมื่อเวลา 10.20 น. เจ้าหน้าที่ศาล ได้ดำเนินการเช็คชื่อจำเลยที่มาศาล เบื้องต้นยังขาดจำเลยอีก 20 คน ซึ่ง 1 ในนั้น คือ พ.ท.หิมาลัย ผิวพรรณ อดีตนายทหารฝ่ายเสนาธิการ ประจำหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ( บก.สส.) จำเลยที่ 128 ส่วน พ.ต.ธัญเทพฯ จำเลยที่ 130 มาศาลชั้นต้นครั้งเดียว แล้วไม่มาอีกเลย
ต่อมาเวลา13.00 น. ศาลฎีกาพิพากษาแก้จากจำคุก 5 ปี เป็นจำคุก2 ปีไม่รอลงอาญา เนื่องจากจำเลยได้มีการเยียวยาผู้เสียหาย และบริจาคที่ดินให้เป็นที่สาธารณะ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายชูวิทย์ฯ ขึ้นรถไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
ถือเป็นนักการเมืองคนดัง ผู้สร้างสีสันให้การเมืองไทยมาหลายปี มีเหตุขัดแย้งมาแล้วทั้งกับตำรวจ นักการเมืองหลายฝ่าย เรียกว่าเป็นตัวแสบของทุกวงการเลยก็ว่าได้ แต่นายชูวิทย์ฯ นั้นก็ยังมีหลักการของนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตย คือไม่เอาเผด็จการ และลูกผู้ชายพอที่จะไม่หนี กล้าเดินเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และยอมรับผลของการกระทำผิดในอดีต
ต่อข้อสงสัยที่ว่า "ทหารมีไว้ทำไม" นี่คงเป็นอีกคำตอบหนึ่ง คือการร่วมมือกับผู้มีอิทธิพลรื้อบาร์เบียร์ในคดีนี้ คือคล้าย ๆ กับอีกหลายกรณี ที่ทหารกล้าของไทย กระทำผิดกฎหมายอาญา แล้วหลบหนีไป ย้อนแย้งกับที่ท่านนายกเผด็จการประยุทธฯ กล่าวกรณีพลเรือนว่า ให้เคารพกฎหมาย ไม่ผิดให้กลับมาสู้คดี จะกลัวอะไร ฯลฯ จริง ๆ ก็ยุบศาลทหารไปก็ได้นะท่าน ทหารไม่ได้ทำผิดจะกลัวอะไร .. จริงมั๊ย