จากบทความ "ทหารมีไว้ทำไม" ของ ศาสตราจารย์ ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ ทำให้มีบรรดาทหารน้อยใหญ่ออกมาแก้ต่าง ตอบโต้ กันอย่างกว้างขวาง ไล่มาตั้งแต่ระดับ รัฐบาลเผด็จการทหาร , ผู้นำเหล่าทัพ จนถึงทหารชั้นผู้น้อย ที่รักในอาชีพทหารอย่างจริงจัง ซึ่งดูจากการตอบโต้แล้วบางคนไม่ได้อ่านบทความนั้น หรืออ่านแล้วไม่เข้าใจสาระแก่นแท้ของบทความนั้นด้วยซ้ำไป
สำหรับ อ.นิธิฯ นั้น เป็นนักคิด นักเขียน และศาสตราจารย์ด้านประวัติศาสตร์ชาวไทย ได้รับรางวัลนักวิจัยดีเด่นจากสภาวิจัยแห่งชาติ, รางวัลฟูกูโอกะ และรางวัลศรีบูรพา อดีตอาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่(ที่มา ไทยวิกิพีเดีย)
ขอนำส่วนสรุปของบทความ "ทหารมีไว้ทำไม" มากล่าวถึงสักเล็กน้อย เพื่อความเข้าใจว่า อ.นิธิฯ นั้นไม่ได้หมายความเพียงแค่ ทหารไทย มีไว้ทำไม หากแต่หมายรวมถึงระบบอุตสาหกรรมทหารทั่วโลก นั่นต่าง ๆ มันเป็นข้อเรียกร้องที่ยิ่งใหญ่ต่อประชากรโลก ให้มาตระหนักถึงคุณค่าของชีวิต และคำนึงถึงความสันติสุขในภาพรวมนั่นเอง
"ไม่มีกองทัพ เราจะสามารถทำให้ทุกคนเข้านอนได้ด้วยท้องที่อิ่ม ไม่มีกองทัพ จะมีเงินเหลือมาปรับปรุงระบบสุขภาพถ้วนหน้าได้มากกว่านี้อีก และในทุกประเทศทั่วโลก ไม่มีกองทัพ เด็กและผู้ใหญ่ทุกคนที่อยากเรียนรู้ จะได้เรียนรู้ ไม่มีกองทัพ โลกทั้งโลกจะสามารถบรรลุเป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจกได้ก่อนเวลาที่ตกลงกันเป็นหลายสิบปี ไม่มีกองทัพ เราจะสามารถขจัดโรคติดต่อร้ายแรงให้หมดไปจากโลกโดยสิ้นเชิงได้ ไม่มีกองทัพ ทั้งโลกจะยิ่งพัฒนากลไกระหว่างประเทศเพื่อระงับสงครามให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ไม่มีกองทัพ… จะมีโลกใหม่ที่ชีวิตผู้คนอาจดำเนินไปอย่างสงบสุขและสร้างสรรค์กว่าที่เราเผชิญมา"
สำหรับในสถานการณ์โลกปัจจุบันนั้น แน่นอนว่าประเทศไทยยังคงจำเป็นต้องมีทหารอยู่ โดยเฉพาะ "ทหารอาชีพ" ทหารที่ทำหน้าที่ของตนเอง และมีความเชี่ยวชาญอย่างแท้จริง(มีสักกี่คน ?) ต้องกลับมาตั้งคำถามกันเสียหน่อยว่า ตกลงแล้ว หน้าที่ของทหารคืออะไร ? เอาหน้าที่หลัก ๆ ที่เป็นสากลนะครับ ไม่ต้องไปเอาหน้าที่ หรืองานของหน่วยงานอื่นมาทำ
หน้าที่ของทหารคือการป้องกันประเทศจากศัตรูภายนอก และช่วยเหลือภารกิจรัฐบาลตามขีดความสามารถที่ได้รับมอบหมาย แล้วมองดูสภาพการณ์ปัจจุบัน ทหารไทยได้ทำหน้าที่นี้อย่างดีแล้วหรือไม่ เมื่อการรบในระดับสงครามนั้นไม่มีมาหลายสิบปีแล้ว(มีเพียงระดับปะทะเท่านั้น) มีเพียงสถานการณ์ชายแดนใต้เท่านั้นที่ท่านต้องรับมือ แต่ก็เห็น ๆ อยู่ว่าส่วนใหญ่เป็น ทหารพราน ประจำการและรับมือกับสถานการณ์ กลายเป็นว่าบทบาททหารไทย มาวุ่นวายกับเรื่องการเมือง การปกครอง เป็นบทบาทที่มีมาต่อเนื่องนับแต่ 2475 เรียกได้ว่าประเทศไทยมีนายกที่เป็นทหารประมาณครึ่งหนึ่ง
มาดูในด้านกำลังพล รวม 3 เหล่าทัพแล้วมีถึงสามแสนนาย กำลังพลสำรองอีกสองแสน งบประมาณมากถึงปีละเกือบสองแสนล้าน ! นายพลที่ไม่ใช่ตำแหน่งหลักเดินกันขวักไขว่ วันร้ายคืนร้ายก็ออกมายึดอำนาจพาประเทศถอยหลัง แสดงอาการกร่าง ใหญ่คับบ้านคับเมือง จ้องจะจัดงบซื้ออาวุธ ยุทโธปกรณ์ โง่ ๆ อย่าง เรือไม่เหาะ , GT200 ฯลฯ ที่จนป่านนี้ยังไม่มีใครรับผิดชอบความผิดพลาด นอกจากนี้ยังมีความฉ้อฉลในเรื่องต่าง ๆ อีกมากมาย ไม่เชื่อดูบรรดาพลเอกทั้งหลายได้เลย ทรัพย์สินมหาศาลในระดับที่เรียกได้ว่าไม่ใช้เงินเดือน เบี้ยเลี้ยงสักบาทตั้งแต่ร้อยตรี ยันเกษียณ ก็ไม่มีทางมีทรัพย์สินขนาดนี้ได้แน่ ฐานะทางบ้านตอนร้อยตรี กับพลเอกต่างกันราวฟ้ากับเหว ท่านคิดว่าเงินมักงอกมาตอนไหนล่ะ
ในขณะที่กำลังพลชั้นผู้น้อยเสี่ยงภัย เสี่ยงตายอยู่ชายแดนใต้ เบี้ยเลี้ยง เสื้อเกราะ ยุทโธปกรณ์ ที่จะทำให้เขามีชีวิตรอดปลอดภัย มีเพียงพอหรือไม่ ท่านที่ออกรบอยู่ตามสนามกอล์ฟในค่ายทหารต่าง ๆ ทั่วประเทศ เคยคิดกันบ้างไหม
เหล่านี้แหละครับ จึงเป็นที่มาของคำถามที่ว่า ทหารมีไว้ทำไม และจำเป็นต่อประเทศหรือไม่ ไอ้พวกที่เป็นตัวปัญหา ทำให้ทหารดี ๆ เขาต้องช้ำใจ ต้องเผชิญกับคำถามแบบนี้ ก็ยังคงไม่เปลี่ยนพฤติกรรม มิหนำซ้ำยังหนักข้อขึ้นทุกวัน บอกให้คนอื่นเคารพกฎหมาย เพราะว่า "ข้า คือ กฎหมาย" แบบนี้นะหรือ คือชายชาติทหาร
อ่านบทความ ทหารไม่ไว้ทำไม ของ อ.นิธิ เอียวศรีวงศ์ ได้ที่นี่(คลิ๊ก)