นักศึกษาฝึกงาน จับคนโกงเก่งกว่า ปปช.

Sent
0

จากกรณีที่ น.ส.ปณิดา ยศปัญญา นิสิตชั้นปีที่ 4 คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาพัฒนาชุมชน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เข้าร้องเรียนต่อเลขาธิการ คสช. จากการที่ถูกผู้อำนวยการศูนย์ฯ และเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบโครงการเงินสงเคราะห์ผู้ยากไร้ สั่งให้ปลอมแปลงเอกสารทางราชการในการเบิกจ่ายเงิน รวมทั้งการปลอมลายมือชื่อผู้ที่ได้รับเงินไปรวมกว่า 2,000 ราย คิดเป็นงบประมาณกว่า 6,900,000 บาท

     และก่อให้เกิดการตรวจสอบการจ่ายเงินสงเคราะห์ผู้ยากไร้ในอีกหลายจังหวัด  ทำท่าว่าจะพบการทุจริตในจังหวัดอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน  ซึ่งถือเป็นการกระทำที่อุกอาจ และอาจทำมานาน เพราะหากไม่ย่ามใจระดับผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องรวมทั้งคนนอกไม่กล้าที่จะสั่งนักศึกษาฝึกงาน ที่ไปฝึกงานด้านการพัฒนาชุมชนเพียง 4 เดือนให้ร่วมทำผิดแบบนี้

     สำหรับ น.ส.ปณิดาฯ หรือน้องแบม นั้น  เป็นเพียงนักศึกษาฝึกงาน ไม่ได้เงินเดือน ค่าตอบแทนจากรัฐแต่อย่างใด  แต่สามารถก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสังคม  ตบหน้าเจ้าหน้าที่รัฐ ให้ตื่นตัวมาตรวจสอบการทุจริตได้ในวงกว้าง  น่าชื่นชมจริง ๆ และสมควรเป็นบุคลากรที่หน่วยงานต่าง ๆ ต้องการตัว  แต่หน่วยงานภาครัฐไทยจะกล้ารับเข้าทำงานหรือเปล่า 

     เมื่อนำกรณีน้องแบม มาเทียบกับกรณี การตรวจสอบนาฬิกาหรูของผู้มีอำนาจ จากสุดยอดหน่วยงานปราบปรามทุจริต ที่มีดัชนีชี้วัดตกต่ำ แม้จะมีเงินเดือนและค่าตอบแทนเดือนละเป็นแสนบาท ! 

     ดูความคืบหน้าในการจัดการตรวจสอบผู้มีอำนาจ ที่แต่งตั้งตัวเอง และผลการตรวจสอบคดีทุจริตก่อนหน้า  เหมือนเป็นองค์กรฟอกขาวให้รัฐบาลเผด็จการมากกว่า  ไม่ได้รับความเชื่อมั่น ศรัทธาจากทั้งประชาชน และหน่วยงานตรวจสอบต่างประเทศ  แถมยังต่ออายุตัวเองออกไปทั้ง ๆ ที่ขัดกับรัฐธรรมนูญ ด้วยการยกเว้นกฎหมายให้

     สะท้อนให้เห็นว่าหากเปิดให้ประชาชนมีโอกาสตรวจสอบได้นั้น  การป้องกันหรือปราบปรามทุจริต จะทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าบรรดาหน่วยงานต่าง ๆ เสียอีก   น่าสนใจว่าหากประชาชนสามารถตรวจสอบ หน่วยทหาร หรือ องค์กรอิสระได้  จะเหลือใครเป็นข้าราชการอีกมั๊ย ... ลองดูมั๊ยล่ะท่าน

แสดงความคิดเห็น

0ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น (0)