ในงานมอเตอร์โชว์ที่กำลังจะจัดขึ้นในวันที่ 23 มีนาคม นี้ คาดว่า บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด จะนำเอารถไฟฟ้า คอมแพ็กต์เอสยูวี รุ่น Neta V และ Neta U Pro เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย โดยทาง บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จะขอรับแพ็กเกจส่งเสริมอีวี ซึ่งคณะรัฐมนตรีเห็นชอบเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งมีทั้งเงินอุดหนุนและการลดภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิต
ซึ่งจะทำการจ้างผลิตในประเทศตามเงื่อนไขแพ็กเกจส่งเสริมอีวี โดยได้มีการตกลงกับบริษัทอรุณพลัสในเครือ ปตท. เรียบร้อยแล้ว
สำหรับรถ EV รุ่น Neta V นั้น คาดว่าจะเป็นที่สนใจไม่แพ้รถ EV จากค่ายจีนอื่น ๆ ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ โดยสเปคคร่าว ๆ มีดังนี้ครับ
- รูปทรงครอสโอเวอร์ขนาดเล็ก ท้ายลาดแบบ 5 ประตู 5 ที่นั่ง และระบบขับเคลื่อนล้อหน้า
- มีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น Standard เป็นแบตเตอรี่ลิเธียมแบบ ขนาด 40 kW ให้ระยะทางการวิ่งอยู่ที่ 301 กม. ต่อการชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง ส่วนในรุ่น Lone Rage จะมีแบตเตอรี่ขนาด 55 kW ชาร์จไฟเต็มวิ่งได้ไกล 401 กม. ตามมาตรฐาน NEDC
- อัตราเร่ง 0-50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลา 5.9 วินาที
- มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 74 แรงม้า
- พวงมาลัยขวา หน้าจอกลาง 14.6 นิ้ว
- ความเร็วสูงสุด 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
- ระบบชาร์จไฟของ Hozon Neta V รองรับการชาร์จไฟขนาด 3.3 kW โดยจะใช้เวลา 10-12 ชม. ถ้าชาร์จไฟขนาด 6.6 kW จะใช้เวลาน้อยลงอยู่ที่ 6-8 ชม. มาพร้อมระบบ Fast Charging ที่ชาร์จไฟแบบ DC จะได้กระแสไฟ 30-80% ในระยะเวลาเพียง 30 นาที
- ระบบความปลอดภัยของ Hozon Neta V 2022 จะได้รับติดตั้งระบบขับขี่อัตโนมัติในระดับ L2, ถุงลมคู่หน้า, เรดาร์ถอยหลัง, ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ, ระบบการเตือนชนด้านหน้า, ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน, ระบบช่วยควบคุมรถเมื่อรถออกนอกเลน, ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าขณะขับขี่, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน เป็นต้น
- Hozon Neta V มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ Sky blue , Clear Sky Gray , Silver Cloud White และ Porcelain Cyan
ส่วนราคาจัดจำหน่ายในประเทศจีนเริ่มต้นที่ 76,900 หยวน หรือคิดเป็นเงินบาท อยู่ที่ประมาณ 3.9 แสนบาท แต่การนำเข้ามาจำหน่ายบ้านเราอาจเริ่มที่ 7 แสนกว่า ในรุ่น standard หากรวมกับแพ็กเกจส่งเสริม EV จากรัฐบาล อาจได้เห็นในราคา 6 แสนต้น ๆ กันเลยทีเดียว ถือว่าราคานี้น่าจะเขย่าวงการรถขนาดคอมแพ็กต์ ได้พอสมควร
แม้ว่าสมรรถนะอาจสู้ไม่ได้ทั้งเรื่องความแรง ความเร็วสูงสุด ระยะการขับขี่ หรือจุดชาร์จ แต่ในยุคน้ำมันแพงอย่างนี้ อาจเป็นตัวเลือกที่ดีมาก ๆ สำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวัน เช่นไปทำงาน ไปเรียน เพราะไม่ได้ใช้ระยะทางมากมายอะไร ระยะที่ได้นั้นเพียงพอเหลือเฟือ แต่หากจะออกต่างจังหวัด คงจะต้องวางแผนกันดี ๆ ครับ
ทั้งนี้จากการร่วมทุนกับกลุ่ม ปตท. อาจเป็นข้อได้เปรียบเพิ่มมา เพราะอย่างที่เรารู้กันว่าปั๊มน้ำมันอันดับ 1 ของคนไทยคือ ปั้ม ปตท. ที่มีกระจายอยู่ทุกจังหวัด ทุกเส้นทางสำคัญ หาก ปตท. จะเพิ่มจุดชาร์จไฟในสถานีบริการน้ำมัน คงไม่ใ่ช่เรื่องยากอะไร ไม่แน่เราอาจได้เห็นโชว์รูป Neta V ในปั๊มบางแห่งก็เป็นได้ ลูกพี่ใหญ่ซะอย่าง ถ้าจะเข้ามาชิงส่วนแบ่งตลาดรถ EV รับรองว่าไม่ธรรมดาแน่นอนครับ
by . . เทคโนนิค