เริ่มจากค่าทัวร์ไต้หวัน ราคาไม่แพงราวสองหมื่นกลาง ๆ 4 วัน 3 คืน มีไกด์นำเที่ยวพร้อมอาหารทุกมื้อ ค่าเงินเหรียญไต้หวันประมาณ 1.2 บาทไทย ใช้เวลาเดินทางโดยเครื่องบินจากสนามบินดอนเมือง ประมาณ 3 ชั่วโมงกว่าเท่านั้น ก็จะถึงท่าอากาศสนามบินเถาหยวน สนามบินแห่งชาติไต้หวัน เวลาของไต้หวันจะเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง เข้าที่พักหมดไปหนึ่งวัน ก่อนนอนเลยออกไปตระเวนชมร้านสะดวกซื้อเสียหน่อย เห็นว่าที่ไต้หวันมีร้านสะดวกซื้อมากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ไม่ใช่ว่าจะมีเฉพาะเซเว่น , Family Mart , AM PM เท่านั้น มีอีกหลายร้านที่เราไม่รู้จัก
ลองเดินเข้าไปสำรวจดูก็พบว่าสินค้านั้นต่างจากบ้านเราโดยสิ้นเชิง(ก็บ้านเรามันซีพีทั้งน้าน : CP All
อิอิ) ชักเริ่มหิวขอลองบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบชามดูหน่อย ราคาประมาณ 50 เหรียญไต้หวัน ชามใหญ่ใช้ได้ มีเนื้อจริง ๆ แยกซองมาให้ด้วย จ่ายเงินแล้วนั่งทานในร้านได้เลย เขาจัดที่นั่งทานไว้ให้ด้วย ไม่เห็นแก่ตัวเหมือนสะดวกซื้อบ้านเรานะ แบบซื้อแล้วจะไปยืนแดรกที่ไหนก็เชิญ 55 อ้อ ที่นี่มีสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ท้องถิ่นไต้หวัน คือ ไข่ต้มใบชา มีให้เห็นในร้านสะดวกซื้อทุกที่ เดี๋ยวมีโอกาสชิมแล้วจะเล่าให้ฟัง
วันที่สอง
ตื่นมาทานอาหารเช้าโรงแรม รถชาดอาจไม่จัดจ้านนักตามสไตล์อาหารจีน ก็กินให้เต็มท้องพร้อมเดินทางไปเที่ยว "วัดจงไถชานซื่อ" เมืองหนานโถว สัญลักษณ์ของวัดนี้เป็นรูปมือถือดอกบัว วัดนี้ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นศาสนสถานที่ยิ่งใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากนครวาติกัน และวัดมหายานที่ธิเบต อีกทั้งยังเป็นวัดที่ทันสมัยที่สุดในไต้หวัน มีความสูง 150 เมตร ออกแบบโดยนาย C.Y. Lee เป็นวิศวกรคนเดียวกับ ผู้ที่ออกแบบตึกไทเป 101 มีโครงสร้างที่แข็งแกร่ง โดยเมื่อปี 1999 เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง ที่เมืองหนานโถว แผ่นดินแยก และเกิดธรณีสูบกลืนหมู่บ้านหายไป แต่วัดจงไถซานซือกลับไม่เป็นอะไรเลย สร้างความศรัทธาให้กับชาวไต้หวันอย่างมาก ผู้ก่อตั้งคือท่านเหวยเจวี๋ย มหาเถระ วัดจงไถซานซือมีชื่อเสียงในด้านการฝึกสมาธินิกายเซน หรือฌานสมาธิที่สืบทอดมาจากปรมาจารย์ฮุ่ยเหนิงในจีน พระสงฆ์และภิกษุณีมีจำนวนกว่า 1,600 รูป เป็นภิกษุ 400 รูป เป็นภิกษุณี 1,200 รูป มีการแยกเรียนกันอย่างชัดเจนเป็นวิทยาลัยสงฆ์ฝ่ายชายกับฝ่ายหญิง ไม่เรียนรวมกัน และมีแผนกต้อนรับคอยอำนวยความสะดวกอย่างดี บรรดารูปปั้นต่าง ๆ นั้นทำออกมาอย่างประณีตสวยงามจริง ๆ ครับ
มื้อเที่ยง รับประทานอาหารแบบโต๊ะจีน ณ ภัตตาคาร ริมทะเลสาบสุริยัน จันทรา อาหารพิเศษ ปลาประธานาธิบดี(ก้างเยอะมากกก) โดยมีประวัติว่าประธานาธิบดีเจียงไคเชก ได้มาทานปลาที่ทะเลสาบนี้และชื่นชอบปลานี้มาก จึงตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติ พอตกบ่ายก็ล่องเรือชมทะเลสาบสุริยัน จันทรา ซึ่งเป็นทะเลสาบที่มีภูเขาสลับซับซ้อนล้อมรอบ ประกอบกับมีทัศนียภาพของน้ำและภูเขาที่สวยงามไม่ว่าจะเป็นการชมวิวจากที่ไกลๆ หรือเข้าไปชมความงดงามของทะเลสาบอย่างชิดใกล้ ถนนรอบทะเลสาบมีความยาวประมาณ 33 กิโลเมตร ลักษณะภูมิประเทศที่โดดเด่น ทำให้ตัวทะเลสาบมองแล้วคล้ายพระอาทิตย์และพระจันทร์เสี้ยวซึ่งเป็นที่มาของนามอันไพเราะว่าสุริยัน จันทรา
นำท่านเดินทางขึ้นสู่ "วัดพระถังซังจั้ง" ที่อยู่กลางทะเลสาบเพื่อนมัสการอัฐิของ "พระถังซังจั้ง" ที่ได้อัญเชิญอัฐิธาตุ กลับมาที่วัดเสวียนกวงเมื่อ ปี ค.ศ. 1965 โดยที่เกาะแห่งนี้มี ไข่ต้มใบชา ที่ขึ้นชื่อและอรุ่อยที่สุดในเกาะ(มีอยู่ร้านเดียว 55) ก็ขอลองชิมซะหน่อย เพราะเห็นว่าขายมานานและไกด์ก็ว่าร้านนี้ต้องลอง ก็ลองซื้อมาทานดู ไข่มีกลิ่นหอมของใบชาและสมุนไพร ทานกับซีอิ้วอร่อยดีเหมือนกันครับ
จากนั้นก็กลับขึ้นฝั่งเดินทางไปกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ วัดเหวินหวู่ อาทิ ศาสดาขงจื้อ เทพเจ้าแห่งปัญญา และเทพกวนอู เทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์ และที่หน้าวัดมีสิงโตหินอ่อน 2 ตัว ซึ่งว่ากันว่ามีมูลค่าถึง ตัวละ 1 ล้านเหรียญไต้หวันเลยทีเดียว
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร อาหารพิเศษ สเต็กไต้หวัน + บุฟฟเฟ่ต์สลัดบาร์ นำท่านเดินทางสู่ เฟิงเจี่ยไนท์มาร์เก็ต เป็นตลาดคนเดินมีร้านค้าครบครันจำหน่ายสินค้า เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องสำอางค์ ร่ม เคสมือถือ ฯลฯ และยังมีอาหารทานเล่นสไตล์ไต้หวัน อิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้งตามอัธยาศัย แต่ต้องนัดหมายเวลาและสถานที่กันให้ชัดเจนนะครับ เดี๋ยวจะหลงกันเสียเวลา(โทรหาก็ไม่ได้นิ ไม่ได้เปิดโรมมิ่งข้ามประเทศ)
ตอนเดินเล่นนี่ไกด์แนะนำให้หา ชานมไข่มุก ทานด้วยนะครับ เพราะไต้หวันนี่แหละต้นตำหรับ ที่คนไทยเอาไปเปิดร้านกันแพร่หลาย นอกนั้นก็มีของกิน ของทานเล่นแปลก ๆ มากมาย อาทิ เต้าหู้เหม็น
เป็นอันจบการท่องเที่ยววันที่สอง แต่ยังไม่จบทริปนะครับ ขอแบ่งเป็นสองตอน เพราะเนื้อหาเริ่มยาว
มาอ่านต่อกับ เที่ยวไต้หวัน 4 วัน 3 คืน ทะเลสาบสุริยัน-จันทรา ตอนที่ 2(คลิ๊ก)
ลองเดินเข้าไปสำรวจดูก็พบว่าสินค้านั้นต่างจากบ้านเราโดยสิ้นเชิง(ก็บ้านเรามันซีพีทั้งน้าน : CP All
อิอิ) ชักเริ่มหิวขอลองบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบชามดูหน่อย ราคาประมาณ 50 เหรียญไต้หวัน ชามใหญ่ใช้ได้ มีเนื้อจริง ๆ แยกซองมาให้ด้วย จ่ายเงินแล้วนั่งทานในร้านได้เลย เขาจัดที่นั่งทานไว้ให้ด้วย ไม่เห็นแก่ตัวเหมือนสะดวกซื้อบ้านเรานะ แบบซื้อแล้วจะไปยืนแดรกที่ไหนก็เชิญ 55 อ้อ ที่นี่มีสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ท้องถิ่นไต้หวัน คือ ไข่ต้มใบชา มีให้เห็นในร้านสะดวกซื้อทุกที่ เดี๋ยวมีโอกาสชิมแล้วจะเล่าให้ฟัง
วันที่สอง
ตื่นมาทานอาหารเช้าโรงแรม รถชาดอาจไม่จัดจ้านนักตามสไตล์อาหารจีน ก็กินให้เต็มท้องพร้อมเดินทางไปเที่ยว "วัดจงไถชานซื่อ" เมืองหนานโถว สัญลักษณ์ของวัดนี้เป็นรูปมือถือดอกบัว วัดนี้ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นศาสนสถานที่ยิ่งใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากนครวาติกัน และวัดมหายานที่ธิเบต อีกทั้งยังเป็นวัดที่ทันสมัยที่สุดในไต้หวัน มีความสูง 150 เมตร ออกแบบโดยนาย C.Y. Lee เป็นวิศวกรคนเดียวกับ ผู้ที่ออกแบบตึกไทเป 101 มีโครงสร้างที่แข็งแกร่ง โดยเมื่อปี 1999 เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง ที่เมืองหนานโถว แผ่นดินแยก และเกิดธรณีสูบกลืนหมู่บ้านหายไป แต่วัดจงไถซานซือกลับไม่เป็นอะไรเลย สร้างความศรัทธาให้กับชาวไต้หวันอย่างมาก ผู้ก่อตั้งคือท่านเหวยเจวี๋ย มหาเถระ วัดจงไถซานซือมีชื่อเสียงในด้านการฝึกสมาธินิกายเซน หรือฌานสมาธิที่สืบทอดมาจากปรมาจารย์ฮุ่ยเหนิงในจีน พระสงฆ์และภิกษุณีมีจำนวนกว่า 1,600 รูป เป็นภิกษุ 400 รูป เป็นภิกษุณี 1,200 รูป มีการแยกเรียนกันอย่างชัดเจนเป็นวิทยาลัยสงฆ์ฝ่ายชายกับฝ่ายหญิง ไม่เรียนรวมกัน และมีแผนกต้อนรับคอยอำนวยความสะดวกอย่างดี บรรดารูปปั้นต่าง ๆ นั้นทำออกมาอย่างประณีตสวยงามจริง ๆ ครับ
 |
| ปลาประธานาธิบดี |
นำท่านเดินทางขึ้นสู่ "วัดพระถังซังจั้ง" ที่อยู่กลางทะเลสาบเพื่อนมัสการอัฐิของ "พระถังซังจั้ง" ที่ได้อัญเชิญอัฐิธาตุ กลับมาที่วัดเสวียนกวงเมื่อ ปี ค.ศ. 1965 โดยที่เกาะแห่งนี้มี ไข่ต้มใบชา ที่ขึ้นชื่อและอรุ่อยที่สุดในเกาะ(มีอยู่ร้านเดียว 55) ก็ขอลองชิมซะหน่อย เพราะเห็นว่าขายมานานและไกด์ก็ว่าร้านนี้ต้องลอง ก็ลองซื้อมาทานดู ไข่มีกลิ่นหอมของใบชาและสมุนไพร ทานกับซีอิ้วอร่อยดีเหมือนกันครับ
จากนั้นก็กลับขึ้นฝั่งเดินทางไปกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ วัดเหวินหวู่ อาทิ ศาสดาขงจื้อ เทพเจ้าแห่งปัญญา และเทพกวนอู เทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์ และที่หน้าวัดมีสิงโตหินอ่อน 2 ตัว ซึ่งว่ากันว่ามีมูลค่าถึง ตัวละ 1 ล้านเหรียญไต้หวันเลยทีเดียว
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร อาหารพิเศษ สเต็กไต้หวัน + บุฟฟเฟ่ต์สลัดบาร์ นำท่านเดินทางสู่ เฟิงเจี่ยไนท์มาร์เก็ต เป็นตลาดคนเดินมีร้านค้าครบครันจำหน่ายสินค้า เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องสำอางค์ ร่ม เคสมือถือ ฯลฯ และยังมีอาหารทานเล่นสไตล์ไต้หวัน อิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้งตามอัธยาศัย แต่ต้องนัดหมายเวลาและสถานที่กันให้ชัดเจนนะครับ เดี๋ยวจะหลงกันเสียเวลา(โทรหาก็ไม่ได้นิ ไม่ได้เปิดโรมมิ่งข้ามประเทศ)
 |
| ไส้กรอก 2 แบบที่ทานคู่กัน อันสีอ่อนคือไส้กรอกข้าว ผ่าครึ่งแล้วใส่ไส้กรอกหมูรสหวานสีแดงไว้ตรงกลาง พร้อมเครื่องเคียงผักต่าง ๆ เหมือนฮ็อทด็อก |
 |
| บรรยากาศตลาดกลางคืนในไต้หวัน คึกคักมาก |
 |
| ร้านขายเต้าหู้เหม็น มีคนต่อคิวไม่ขาด |
ตอนเดินเล่นนี่ไกด์แนะนำให้หา ชานมไข่มุก ทานด้วยนะครับ เพราะไต้หวันนี่แหละต้นตำหรับ ที่คนไทยเอาไปเปิดร้านกันแพร่หลาย นอกนั้นก็มีของกิน ของทานเล่นแปลก ๆ มากมาย อาทิ เต้าหู้เหม็น
เป็นอันจบการท่องเที่ยววันที่สอง แต่ยังไม่จบทริปนะครับ ขอแบ่งเป็นสองตอน เพราะเนื้อหาเริ่มยาว
มาอ่านต่อกับ เที่ยวไต้หวัน 4 วัน 3 คืน ทะเลสาบสุริยัน-จันทรา ตอนที่ 2(คลิ๊ก)
